ยืนกระต่ายขาเดียว'รบ.'แจงเทงบคนจน8พันล.ไม่ใช่หาเสียงจริงๆ


เพิ่มเพื่อน    

21 พ.ย.61- นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติงบประมาณ 86,994 ล้านบาท เพิ่มมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า ถ้ามองในฐานะที่เป็นประชาชน หลายๆเรื่องเป็นเรื่องที่จำเป็น ยกตัวอย่างผู้สูงอายุที่ต้องมีงบฯลงไปดูแล เพราะสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การที่เราดูแลผู้สูงอายุตั้งแต่วันนี้ถือเป็นสิ่งที่ดี และชัดเจนงบฯที่สนับสนุนลงไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1 พันบาท ค่าเช่าที่อยู่อาศัย เราเป็นคนรุ่นใหม่ แต่เราอย่าทิ้งคนที่มีพระคุณกับเรา ที่ช่วยปกป้องดูแล เลี้ยงดูพวกเรามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คิดว่าสังคมไทยไม่มีใครทิ้งผู้สูงอายุที่มีพระคุณ ถ้าเราไม่ดูแลผู้มีพระคุณหรือผู้สูงอายุก่อนเราคงทำอะไรลำบาก คิดว่าเป็นจุดที่เหมาะสมควรทำ และรัฐบาลต่อไปก็น่านำไปสานต่อให้ได้ 

ถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลทุ่มงบประมาณมากขนาดนี้ให้ผู้มีรายได้น้อยกว่า 14.5 ล้ายรายเพื่อหวังผลการเมือง นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอบคุณคำถามนี้คิดว่าคำถามนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนตั้งข้อสงสัย ตนเรียนว่าทุกนโยบายที่ทำขึ้นไม่ได้คิดวันนี้แล้วทำวันนี้ หรือคิดเมื่อวานแล้วทำวันนี้ ทุกอย่างมีการสอบถาม ตรวจสอบ ลงไปในพื้นที่ดูปัญหาจริงๆว่าปัญหาผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุคืออะไรแล้วเอามาสังเคาะห์ ประกอบกับต้องดูงบฯมีเพียงพอหรือไม่ แล้วเท่าไหร่จะเหมาะสม เท่าเทียมกัน คิดว่ารัฐบาลไม่ได้ดูเฉพาะตรงนี้ ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ต้องดูแล 

"กระบวนการทั้งหมดต้องใช้เวลาดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการตั้งโครงการต่างๆ ต้องดำเนินการมาร่วมปีกว่าจะถึงวันนี้ ผมไม่คิดว่าคิดนโยบายเมื่อวานแล้วออกวันนี้ มันเป็นไปไม่ได้  ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วย และอีกส่วนต้องชื่นชมรัฐบาลคิดมานานจนพร้อมส่งถึงมือประชาชนได้ ต้องใช้เวลา และพอดีมาออกช่วงเวลานี้ ถือว่าเหมาะสมในช่วงเวลาที่พี่น้องประชาชนเดือดร้อน และต้องยอมรับอีกเรื่องใกล้สิ้นปีขึ้นปีใหม่ ต้องมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้นทุกครอบครัว รัฐบาลจึงพยายามช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ให้ประชาชน"

ถามว่า คิดว่าเลี่ยงไม่ได้หรือไม่พรรคพลังประชารัฐ จะถูกมองได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ทางการเมือง เนื่องจากมีรัฐมนตรีร่วมพรรค นายพุทธิพงษ์ ตอบว่า การทำโครงการต่างๆอย่าไปมองว่าพรรคไหนได้ประโยชน์ ตนมองว่าประชาชนทุกคนได้ประโยชน์คือคนที่ใช้สิทธิได้ประโยชน์ เพราะไม่ได้หมายความว่าการได้ประโยชน์แล้วจะไปเลือกพรรคไหน มันเป็นการช่วยเหลือประชาชนส่วนหนึ่ง สุดท้ายเขาก็ต้องมาตัดสินใจอีกที ใครคือคนที่ให้ประโยชน์และให้โอกาสกับเขา และคิดว่าในอนาคตจะให้ความมั่นใจบริหารประเทศต่อไปในทุกนโยบาย ไม่ใช่นโยบายเรื่องนี้เรื่องเดียว การนำพาไปสู่พรรคการเมือง และการเลือกตั้ง ไม่ได้หมายการดูแลใน 1-2 เรื่อง แต่หมายถึงการดูประเทศที่มีตั้งเยอะ เชื่อว่าสุดท้ายประชาชนจะไปดูในภาพรวมการบริหารประเทศนั้น ใครควรได้บริหารประเทศต่อไป เพราะไม่ใช่การเลือกตั้งเพื่อนโยบายใดนโยบายหนึ่งเท่านั้น และในอนาคตจะมีความชัดเจนมากขึ้น


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"