20 พ.ย.61-   ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือ ผู้กองปูเค็ม อดีตนายทหารบกที่มักมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคฯ ถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ โดยขอให้สืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ มีส่วนทุจริตในการหยั่งเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯหรือไม่ พร้อมส่งหลักฐานสำเนาภาพถ่ายที่ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีผู้กระทำการทุจริตใช้เครื่องลงคะแนนหมายเลข 214 ลงคะแนนโดยไม่มีผู้เป็นสมาชิกพรรคฯถึง 25 คน

เขาระบุว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดข้อบังคับพรรคชัดเจน เพราะนายอภิสิทธิ์ผู้ที่มีส่วนได้เสียโดยตรง เนื่องจากบุคคลดังกล่าวได้ลงคะแนนโดยทุจริตให้กับเบอร์ 1 คือนายอภิสิทธิ์ จึงขอให้นายชวนจะให้ความเป็นธรรม ลดความขัดแย้งภายในพรรคที่มีอยู่ในขณะนี้ได้ 

อย่างไรก็ตาม ร.อ.ทรงกลด อ้างว่ามายื่นหนังสือในนามสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จ.พิษณุโลก แต่นายนิพิฏฐ์ ได้ยืนยันกลับไปว่าทางพรรคฯได้มีการตรวจสอบดูแล้วพบว่า ร.อ.ทรงกลด ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคฯและไม่มีข้อมูลในฐานประวัติของพรรค แต่ร.อ.ทรงกลด ยังคงยืนยันว่าตนเป็นสมาชิกพรรคและได้ดาวน์ฌหลดแอพลิเคชั่นในการลงคะแนนหยั่งเสียงพรรคฯด้วย

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ร.อ.ทรงกลดไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จึงถือว่าเป็นคนนอก แต่แม้จะเป็นคนนอกพรรคฯก็ยอมรับฟังความคิดเห็น เพราะประชาธิปัตย์เปิดกว้าง เรื่องนี้ผู้สมัครหยั่งเสียงหัวหน้าพรรคทั้ง 3 คนได้พูดคุยกันและเรื่องจบลงไปแล้ว ซึ่งหากจะมีการร้องเรียนเรื่องทุจริตควรกระทำตั้งแต่จะมีการนับคะแนน เพราะมีระยะเวลาตรวจสอบอยู่ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมร.อ.ทรงกลด จึงมาร้องเรียนในช่วงนี้ ไม่ทราบว่าไปรับงานใครมาหรือไม่ 

ส่วนกรณีของนายวิทยา แก้วภราดรัย อดีตส.ส.นครศรีธรรมราชไปร่วมเดินหาสมาชิกพรรคกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)นั้น กรณีนี้ถือว่าแตกต่างจากกรณีของนายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลาที่เปิดบ้านซึ่งเป็นสาขาพรรค ได้ปราศรัย และรับสมาชิก ดังนั้นจึงอยู่ที่ความเหมาะสม เราเป็นสมาชิกพรรคเมื่อทำแบบนี้ไปแล้วต้องคิดและใช้วิจารณญาณด้วยว่าจะทำให้พรรคเข้มแข็งหรืออ่อนแอลงเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่ตนไม่สามารถที่จะไปเตือนใครได้ ขอให้เป็นอำนาจของผู้ใหญ่ในพรรคที่จะพิจารณา

นายจุฤทธิ์  ลักษณวิศิษฏ์  รองโฆษกพรรคฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ตนได้ตรวจสอบฐานข้อมูลพรรคพบว่า ร.อ.ทรงกลด เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จริง  แต่ได้แจ้งขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2560 ซึ่งมีผลทางกฎหมายไปเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2560 หลังนายทะเบียนพรรคได้คัดชื่อออกจากสาระบบว่า ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ดังนั้น  การที่ร.อ.ทรงกลด ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค แต่พยายามยื่นเรื่องก้าวก่ายในกิจการภายในของพรรค ตนไม่ทราบว่าไปรับงานของใคร กลุ่มไหนมาเพื่อสร้างความสับสนและก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อพรรคประชาธิปัตย์  ทั้งนี้ขอตั้งข้อสังเกตว่า หากเข้าไปดูในเฟซบุ๊กของผู้กองปูเค็ม ก็สามารถอนุมานได้ว่า มีความสัมพันธ์กับบุคคลคนใดเป็นพิเศษ.