กัญชา 'อย่าเพิ่งไปกันเร็วนัก'


เพิ่มเพื่อน    

 

       เสียดาย........

                ช่วง ๒๒ พฤศจิกานี้ ผมไม่อยู่ เลยพลาดโอกาสได้ฟังเสวนา "เจาะเวลาหาอดีตสัมพันธ์ไทย-จีน" ที่โรงแรมใบหยก

                เป็นคนไทย-อยู่เมืองไทยน่ะ "ดีที่สุด"

                แต่การที่ต้องรวมอยู่ในความเป็น "สังคมโลก" วันนี้ แต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศในเอเชียอาคเนย์

                กำลังถูกบีบให้ต้อง "เลือกข้าง"!

                ระหว่างอเมริกากับจีน "จะเลือกใคร" ต้องตัดสินใจ?

                เมื่อเลือกแล้ว แอบเป็นกิ๊กกับอีกฝ่าย.........

                โลกยุค "สงครามการค้า" เปิดโอกาสให้ทำอย่างนั้นได้มั้ย?

                เพราะอย่างนี้ ถึงได้บอก "เสียดาย"

                ใครว่าง ก็อยากให้ไปฟังกันมากๆ ถึงหัวข้อไม่เกี่ยวโดยตรง แต่เห็นชื่อผู้ร่วมวงเสวนา

                น่าจะมีมุมมอง-ทัศนะหลุดออกมาให้ฟังเป็นทิศทางบ้างหรอก

                โอกาสอย่างนี้ ยากจะมีสักครั้ง ถึงอยากให้ไปฟัง ไม่ต้องซื้อบัตร ไม่ต้องเสียเงิน-เสียทอง ไปได้เลย

                ที่ชั้น ๑๙ ใบหยก ย่านประตูน้ำ ตั้งแต่ ๑๔.๓๐ น. วันที่ ๒๒ พ.ย.

                จองที่นั่งล่วงหน้าก่อนดีสุด โทร.เบอร์ ๐-๒๖๕๖-๓๔๕๖ ต่อ ๗๒๑๓๔ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โรงแรม

                คงอยากทราบ ว่าใครบ้างในงานเสวนา ก็ประกอบด้วย

                "นายดอน ปรมัตถ์วินัย" รมว.กระทรวงต่างประเทศ กับ       "นายหลู่ย์เจี้ยน" เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

                ร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน การเสวนา "เจาะเวลาหาอดีตสัมพันธ์ไทย-จีน"

                วงเสวนาประกอบด้วย นายวรรณไว พัธโนทัย, พลโทวีระพจน์ ภูมมะภูติ, นายอำพล ถาวรโลหะ  และ

                "นายกวนมู่" อดีตเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

                นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการ "พุทธศิลป์จีนโบราณ" ให้ชมและศึกษาด้วย

                อันนี้ บอกได้คำเดียว เห็นแล้วจะ "ตะลึง"!

                จบเรื่องนี้แล้ว ก็พบ "คุณสมชาย แสวงการ" สมาชิก สนช.เจ้าของร่างกฎหมายกัญชา โพสต์ fb ว่า

                "ข่าวดีมากๆ ครับ ต้องขอบคุณท่านรัฐมนตรี สนธิรัตน์ ที่ตัดสินใจเด็ดขาด ยึดผลประโยชน์ชาติและประชาชนเป็นตัวตั้ง

                จากนี้รอติดตามอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอำนาจโดยตรงตามกฎหมายครับ ว่าจะเร่งแก้ไขปัญหาที่สะสมได้รวดเร็ว แค่ไหน เพียงใด

                พี่น้องประชาชนคนไทยรออยู่อย่างใจจดใจจ่อครับ"

                เรื่องก็คือ...........

                ที่ว่าต่างชาติมายื่นขอจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชาต่อ "กรมทรัพย์สินทางปัญญา" ตัดหน้าไว้หลายราย

                ทางกรมฯ นำเข้าขั้นตอนประกาศไปแล้ว เป็นอุปสรรคต่อโครงการวิจัยสารสกัดกัญชาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ของเรามาก

                ในทางกฎหมายไทย กัญชาอยู่ในยาเสพติดประเภท ๕ ให้จดไม่ได้

                ฉะนั้น ที่รับจดไว้ทั้งหมดก่อนหน้าที่กฎหมายได้รับการแก้ไข ถือว่า "ขัดกฎหมาย"

                สนช.จึงรอความชัดเจนตรงนี้จากกระทรวงพาณิชย์ก่อน ยังไม่นำร่าง พ.ร.บ.กัญชาที่รัฐบาลส่งมาเข้าเป็นวาระพิจารณาในสภา

                ตอนนี้ ชัดเจนจากกระทรวงพาณิชย์แล้ว "สนช.สมชาย" จึงโพสต์ว่า "ข่าวดีมากๆ ครับ" นั่นแหละ ที่ว่าชัดเจน คือท่านรัฐมนตรีพาณิชย์ "สนธิรัตน์" บอกเมื่อวาน (๑๙ พ.ย.๖๑).......

                "คำขอจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชาได้มีข้อยุติแล้ว

                โดยใช้มาตรา ๓๐ จัดการ

                ขั้นตอนตามกฎหมายน่าจะใช้เวลาไม่นาน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้”

                ......................

                ในจำนวนคำขอจดสิทธิบัตรทั้ง ๑๑ คำขอ ผู้ยื่นคำขอได้ละทิ้งคำขอไป ๒ คำขอ ซึ่งคำขอจะไม่อยู่ในระบบอีกต่อไป

                ส่วนที่เหลืออีก ๘ คำขอ ไม่ใช่ "สารสกัด" จากกัญชา

                แต่เป็นคำขอที่มีการ "ใช้สารสกัด" จากกัญชาเป็นองค์ประกอบ

                ซึ่งยื่น "จดสิทธิบัตร" ได้ต่อตามกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องการประดิษฐ์คิดค้น

                ไม่ใช่การ "ยื่นจดสารสกัด" จากกัญชา

                สรุป คือ ให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ใช้มาตรา ๓๐ ตาม "พ.ร.บ.สิทธิบัตร"

                สั่ง "ยกคำขอรับสิทธิบัตร" สารสกัดกัญชา

                และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ แจ้งคำสั่งไปยังผู้ขอรับสิทธิบัตรรวมทั้งผู้คัดค้าน ในกรณีที่มีการคัดค้านตามมาตรา ๓๑ พร้อมให้ประกาศโฆษณาคำสั่งนั้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยกฎกระทรวง

                หมดไปอีกเปลาะ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาที่ผ่าน ครม.แล้ว ก็คงเข้าพิจารณาเป็นที่เบ็ดเสร็จ สู่การประกาศใช้

                ทันตามกำหนด!

                "คุณหมอโสภณ เมฆธน" ประธานคณะกรรมการใช้กัญชาทางการแพทย์ และประธานบอร์ด "องค์การเภสัชฯ"

                คงโล่งอก........

                แผน "กัญชาสู่อุตสาหกรรมยาโลก" ก่อนพัฒนาก้าวหน้าไปถึงขั้น "กัญชาสู่ครัวโลก" ในอนาคต

                ดูจะสมูธ สูดปรื๊ด ยิ้มหวาน สว่างไสว!

                เรื่องไทยเราใช้งานวิจัยยกระดับกัญชาสู่อุตสาหกรรมทั้งสารสกัดและน้ำมันไปสู่สูตรผสมเป็นตำรับยาและใช้ทางการแพทย์ นั้น

                ผมว่า กระทรวงสาธารณสุข ต้องเริ่ม "ด้วยพยายาม" ปูพื้นฐานเป็นความเข้าใจกับประชาชนในวงกว้างแต่เนิ่นๆ

                ในประเด็นว่า..........

                ๑.กัญชา เป็นยาเสพติดประเภท ๕ ยังไม่ปลดล็อก

                ๒.อนุญาตเพื่อศึกษาวิจัยนำสารสกัดและน้ำมันใช้ทางการแพทย์เท่านั้น

                ๓."สถาบันศึกษา" ที่ต้องการวิจัยสารจากพืชกัญชา-กระท่อม ยื่นขออนุญาตเป็นรายๆ ไปได้

                ๔.ไม่อนุญาตให้มี ให้ปลูก ให้ใช้ ยังไม่ไปถึงขั้นเสรี

                ๕.ยังไม่พัฒนาถึงขั้นให้ทำไร่กัญชา-กระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

                และควร "ขอความร่วมมือ" ผู้เจริญแล้วในโลกกัญชา อย่าโหมประโคม "คุณงามความดีกัญชา" ที่พัฒนาเป็นธุรกิจอุตสาหกรรมขายกัน "ในต่างประเทศ" เวลานี้ ในโซเชียลมีเดียให้มากนักเลย

                คนประเทศเขา เช่นในสหรัฐฯ กับคนบ้านเรา มีคุณค่าเท่ากัน

                แต่บางที "องค์ความรู้" สู่การแยกแยะเพื่อเข้าใจและใช้กัญชา คนสังคมเขากับสังคมเรา

                มัน "ไม่เท่ากัน"!

                เช่น บอกว่า "เปลือกมังคุด" มีสารแทนนิน บอกว่าเปลือกกุ้ง-กระดองปู มีสารนำไคโตซาน บอกว่าหนานเฉาเหว่ย แก้เบาหวานได้

                บ้านเรา ก็จะเฮกินเปลือกมังคุด กินกระดองปู และเอาใบหนานเฉาเหว่ยมากิน

                แทนที่จะหาย กลับตายเลย!

                ส่วนบ้านเขา พอวิจัยพบว่า มันมีสารอย่างนั้นๆ เขาก็เข้าใจ การจะใช้ ต้องสกัดเอาสารมาใช้

                ไม่ใช่เอาเปลือกมังคุด กระดองปู หรือสมุนไพร ต้นนั้น-ใบนี้ มากินกันแบบออริจินัลประมาณนั้น

                กัญชาเหมือนกัน ชื่อเหมือนกัน............

                แต่ด้วยพันธุ์ การพัฒนาแต่ละสายพันธุ์ และแต่ละพื้นสภาพภูมิอากาศ มันให้สาร THC และ CBD  ไม่เหมือนกัน

                ในบ้านเขา ต้องยอมรับ การศึกษา-วิจัย ของเขาไปไกลกว่าเราหลายพันเท่า

                และคนของเขา ไม่ฉลาดกว่าเราก็จริง แต่เขารู้ตามวิทยาการในบ้านเขา

                แม้ขนาดนั้น ในสหรัฐฯ ก็ยังอนุญาตให้ "กัญชาเสรี" ในบางรัฐเท่านั้น และที่ว่าเสรี ก็ใช่ว่าปล่อยตามใจชอบ

                จะซื้อและใช้ได้ก็ "ตามใบสั่งแพทย์" เท่านั้น!

                ดังนั้น หลายกูรู ทำคลิป ทำวิดีโอ เข้ามาเผยแพร่ ว่าต่างประเทศไปไกล......

                ทำไร่กัญชา ขายกัญชา ทำผลิตภัณฑ์กัญชาเป็นธุรกิจอุตสาหกรรมร่ำรวยมหาศาล วางขายเกร่อ

                บางเจ้า ปรุงอาหารใช้กัญชาเป็นส่วนผสม ถ่ายคลิปโชว์เหมือนรายการทำอาหารทั่วไป

                ก็เข้าใจล่ะ.......

                คนบ้านเราดูแล้ว ก็หลงใหลตาม อยากเป็นอย่างนั้น ฝันว่าได้ปลูกกัญชาเป็นสินค้าส่งออก จะรวยกันทั่วหน้า

                แล้วก็หันมา "ด่า" บ้านเมืองตัวเอง!

                รัฐบาลมันบ้า กะโหลก-กะลาแลนด์ ไม่ยอมให้ปลูกกัญชา ของดี-ของวิเศษ เอาไปตีตรา "ยาเสพติด"!

                ผมก็ไม่เถียง.......

                เพียงบอกว่า "บ้านเขา-บ้านเรา" ดูแต่เยี่ยงเถอะ อย่ายกทั้งหมดมาโพนทะนาสรรพคุณแต่ "ดีด้านเดียว" ให้คนบ้านเราเอาอย่างเขา "ทั้งดุ้น" เลย

                เดินบันไดทีละขั้นดีกว่า เห็นนักกีฬาโดด ก็จะโดดทีเดียวร้อยขั้นอย่างเขา แข้ง-ขาหักก่อนซะเปล่าๆ

                เอาแค่ "คลายล็อก" วิจัยทางการแพทย์ ทั้งแผนไทย-แผนปัจจุบันก่อน

                แล้วค่อยก้าวไปถึงขั้นพืชสมุนไพรกัญชาทางพาณิชย์อุตสาหกรรม ก็ยังไม่ช้าเกินการ

                ที่พูดนี่ คงขัดใจหลายคนน่าดู.......

                แต่ไม่เป็นไร ขัดวันนี้ ดีกว่า "เตลิดก่อนเวลา" กันไปทั้งหมด

                จริงมั้ย?

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"