อัดสารพัดมาตรการอุ้มคนจน


เพิ่มเพื่อน    

 

                รัฐบาลได้เดินหน้าอย่างต่อเนื่องและเอาจริงเอาจังกับการออกมาตรการในการดูแลผู้มีรายได้น้อยตามเกณฑ์ที่กำหนด หลังจากได้มีการเปิดรับลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการของรัฐในช่วงที่ผ่านมา โดยมีประชาชนที่ผ่านเกณฑ์และได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 11.4 ล้านคน และล่าสุดได้มีการเปิดรับลงทะเบียนเพิ่มเติมภายใต้โครงการ "ไทยนิยม ยั่งยืน" หรือเรียกง่ายๆ ว่ารอบเก็บตก สำหรับกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐในรอบปกติได้

                โดยเปิดดำเนินการไปเมื่อวันที่ 15 พ.ค.-30 มิ.ย.2561 พบว่ามีผู้มาลงทะเบียนทั้งสิ้น 4.5 ล้านราย และภายหลังจากมีการตรวจสอบคุณสมบัติ และผ่านเกณฑ์เป็นผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้งสิ้น 3.1 ล้านคน หรือคิดเป็น 68% ของผู้มาลงทะเบียนทั้งหมด โดยประชาชนผู้มีรายได้น้อยกลุ่มนี้จะสามารถรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค.2561 และจะเริ่มใช้บัตรได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2562 เป็นต้นไป

                ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิจากการลงทะเบียน สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.เว็บไซต์ www.epayment.go.th, 2.Call Center 3 หน่วยงาน ได้แก่ ทีมไทยนิยม ยั่งยืน กระทรวงมหาดไทย โทร.0-2629-8306-14 ต่อ 503 และ 504, กรมบัญชีกลาง โทร.0-2109-2345 และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง โทร.0-2273-9020 ต่อ 3224, 3279, 3244, 3236, 3256 และ 3215 และการติดประกาศในพื้นที่ของทีมไทยนิยม ยั่งยืน กระทรวงมหาดไทย

                ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิสามารถยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อหน่วยงานที่ไม่ผ่านสิทธิได้โดยตรง ระหว่างวันที่ 16-30 พ.ย.นี้ โดยกระทรวงการคลังจะประกาศผลการอุทธรณ์อีกครั้งในช่วงกลางเดือน ธ.ค.2561

                ส่วนสวัสดิการที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับตามสิทธิ ประกอบด้วย วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าประชารัฐ จำนวน 200-300 บาทต่อเดือน แล้วแต่กรณี และวงเงินค่าโดยสารรถเมล์ หรือรถไฟฟ้า จำนวน 500 บาทต่อเดือน รวมถึงวงเงินค่าโดยสารรถ บขส. จำนวน 500 บาทต่อเดือน และวงเงินค่าโดยสารรถไฟ จำนวน 500 บาทต่อเดือน วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ซึ่งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนี้มีวัตถุประสงค์หลัก คือ ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อย และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต

                นอกจากนี้ ยังมีมาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้ข้อมูลจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภาษีแวต) ว่า ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ พ.ย.2561 โดยมีข้อมูลการใช้จ่ายระหว่างวันที่ 1-14 พ.ย.2561 อยู่ที่ 5.57 แสนราย คิดเป็นเงิน 145 ล้านบาท มีจำนวนภาษีแวตกว่า 9 ล้านบาท โดยพร้อมในการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวจำนวน 5% เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ให้แก่ผู้มีสิทธิผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อนำไปใช้จ่ายต่อไป และเงินชดเชยอีก 1% เพื่อการออมเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารชนิดพิเศษที่กรมบัญชีกลางให้ธนาคารเปิดให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

                นอกจากนี้ รัฐบาลยังเตรียมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเตรียมเสนอให้ รมว.การคลัง พิจารณาก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งรูปแบบการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นจะมีหลากหลายแนวทางผสมผสานกัน อาทิ มาตรการเพิ่มเบี้ยยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการ ซึ่งมีประมาณ 3.5 ล้านคน ให้ได้รับเพิ่มเท่ากันทั้งหมด คนละ 1 พันบาทต่อเดือน เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น

                และยังมีมาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านให้กับผู้สูงอายุที่ต้องเช่าบ้านอยู่ โดยเบื้องต้นพิจารณากรอบความช่วยเหลือไว้ที่ 400 บาทต่อคนต่อเดือน และยังมีมาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางให้กับผู้ป่วยที่สูงอายุ โดยอาจให้วงเงินคนละ 500-1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้มีการโยกวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในส่วนของค่ารถไฟ หรือค่ารถโดยสาร บขส. ที่ปกติผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยไม่ได้ใช้มารองรับแนวทางดังกล่าวนี้แทน

                ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่ามาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านมาตรการต่างๆ ของรัฐนี้ เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้การใช้จ่ายและการบริโภคภาคเอกชนเร่งตัวได้ดีขึ้น เกิดการใช้จ่าย ซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคได้ดีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง.

 

ครองขวัญ รอดหมวน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"