แฟ้มภาพ

1 ก.พ. 61 - นายรังสิมันต์ โรม  แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก Rangsiman Rome ระบุว่า "ดูเหมือนว่าการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมสกายวอล์คทั้ง 39 คน (และอาจจะมีเพิ่ม) จะเป็นมาตรการโต้กลับครั้งสำคัญที่มาจากการบัญชาการโดยตรงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะเพียงไม่กี่อึดใจให้หลังจากที่ พล.อ.ประวิตรพูดว่าจะเอาจริงเอาจังและจัดการกับคนที่จะไปร่วมแสดงพลังในวันที่ 10 กุมภาฯ นี้ สิ่งที่ตามมาคือการแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับประชาชนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

แน่นอนว่า การดำเนินคดีดังกล่าวเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการ "เชือดไก่ให้ลิงดู" เพราะประสงค์ให้ผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมในวันที่ 10 กุมภาฯ เกิดความหวาดกลัวว่าจะดำเนินคดีต้องโทษจำคุก และตัดสินใจไม่เข้าร่วม

ที่ พล.อ.ประวิตรต้องลงมาคุมเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ก็เพราะในตอนนี้ สถานะของ พล.อ.ประวิตรนั้นสั่นคลอนที่สุดนับตั้งแต่ที่ คสช. ครองอำนาจมา ด้วยมีข้อครหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันที่ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงจากทั้งสังคม และหาก พล.อ.ประวิตรต้องลงจากอำนาจแบบไม่คาดคิดจริงๆ แล้ว ย่อมส่งผลสะเทือนต่อ คสช. ทั้งสถานะในปัจจุบันและความทะเยอทะยานในการสืบทอดอำนาจในอนาคตด้วย ดังนั้นจึงต้องเล่นงานผู้ที่กล้าออกมาสู้แล้วให้หนัก เพื่อข่มขู่ผู้ที่กำลังรวบรวมความกล้าออกมาสู้ในครั้งต่อไปให้ถอดใจและยอมถอยกลับไปอีกครั้ง

ในแง่นี้มันจึงแสดงให้เห็นว่าวันที่ 10 กุมภาฯ จึงเป็นสมรภูมิสำคัญของภาคประชาชน ว่าจะสามารถปักธงเพื่อเริ่มต้นศักราชใหม่ของประเทศ ศักราชใหม่ที่ปราศจากการครองอำนาจโดยเผด็จการทหารที่ดูดกินความมั่งคั่งของประเทศได้หรือไม่ หากในวันนั้นผลปรากฎว่าภาคประชาชนล้มเหลว ส่วนตัวผมเชื่ออย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งในปีนี้และปีหน้าคงจะไม่เกิดขึ้น รวมถึงแรงกดดันต่อ พล.อ.ประวิตรก็คงจะหมดไปด้วย

ประชาชนจึงจำเป็นต้องออกมาสู้ ออกมาร่วมแสดงพลัง ยิ่งเราออกมามากเท่าไหร่ โอกาสชนะก็จะยิ่งมากตามไปด้วย และจะเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนคนอื่นๆ กล้าออกมาต่อสู้มากขึ้นในครั้งต่อๆ ไป

ขอประชาธิปไตยจงเจริญ"