19 พ.ย.61- นายธีระ วงษ์เจริญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีมีการนำยาปฏิชีวนะอะม็อกซีซิลลินมาฉีดในต้นส้มเพื่อรักษาอาการกรีนนิ่งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ว่า การใช้สารดังกล่าวเพื่อฉีดเข้าไปในต้นส้มเพื่อรักษาอาการกรีนนิ่งนั้นมีการใช้กันมานานและจริงๆใช้เกือบทุกที่ในประเทศที่มีการปลูกส้ม ซึ่งเป็นอันตรายต่อคนที่รับประทานเข้าไปนอกจากหากเกิดการสะสมจะทำให้เป็นเชื้อดื้อยา บางรายก็อาจจะทำให้แพ้ได้ ซึ่งครั้งหนึ่งตนเคยรับประทานส้มเข้าไป 2 ลูก แล้วมีอาการปากบวม ซึ่งในตอนแรกก็ไม่รู้สาเหตุ จนเมื่อย้อนกลับไปก็พบว่าเกิดจาการแพ้สารอะม็อกซีซิลลิน หากรายที่แพ้มากจะเป็นอย่างไร ปัญหาคือยาดังกล่าวนั้นมีไว้ใช้ในคนมีการควบคุมแต่ขณะนี้กลับมีการซื้อขายเสรีตามร้านขายอุปกรณ์การเกษตร สามารถซื้อได้เป็นแกลลอน ดังนั้นหน่วยงานที่รับผิดชอบ กรมวิชาการเกษตรควรไปร่วมมือเพื่อเร่งรัดจัดการกับปัญหานี้ ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ไม่สามารถทำเพียงหน่วยงานเดียวได้
“หลังจากมีการผสมกับน้ำแล้วในการฉีดเข้าไปในต้นส้มต่อต้นใช้ประมาณ 3 ลิตร ซึ่งปริมาณยาในการผสมนั้นเป็นการกะด้วยสายตา ไม่ได้มีปริมาณที่เป็นมาตรฐาน และมีการฉีดกันหลายครั้งต่อปี เกษตรกรเราไม่รู้ว่าในการฉีดแต่ละครั้งมันมีพิษระเหยส่งผลกระทบต่อคนอย่างไร และจะมีสารปนเปื้อนในดิน ในรากของต้นส้มมากน้อยเพียงใด ดังนั้นควรจะหยุดใช้เลย เพราะหากมีการปล่อยใช้เสรีเช่นนี้มันจะเกิดการพลิกแพลงไปใช้ในพืชชนิดอื่นเพื่อรักษาอาการเดียวกัน ที่สำคัญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนอกจากกำหนดนโยบายแล้ว ควรต้องลงไปให้ความรู้กับประชาชนและประชาสัมพันธ์ถึงอันตราย เพราะประชาชนแทบไม่รู้ ในการใช้บางครั้งก็ไม่ได้มีการอ่านฉลากหรือไม่เข้าใจฉลากเลย ทั้งนี้ภายในเดือน ธ.ค.นี้จะมีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบไร่ส้มที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่”นายธีระ กล่าว.