คำถามนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีใครตอบได้...เพราะอัยการของซาอุดีอาระเบียชี้นิ้วไปที่ทีมสังหารที่อ้างว่า "เจ้าหน้าที่อาวุโสหน่วยข่าวกรองซาอุฯ" เป็นคนบงการ
แต่ CIA หรือ "สำนักงานข่าวกรองกลาง" ของสหรัฐฯ สรุปว่าเป็นคำสั่งตรงจากมกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman ของซาอุฯ เองนั่นแหละ
สงสัยท้ายที่สุดหากรัฐบาลซาอุฯ ต้องการจะทำให้ความจริงปรากฏโดยปราศจากความสงสัย อาจจะต้องมีคณะกรรมการสอบสวนนานาชาติมาทำหน้าที่การค้นหาข้อเท็จจริงให้ได้
เพราะหาไม่แล้วความสงสัยคลางแคลงเรื่องนี้จะไม่มีวันจางหายไปได้
เพราะนักข่าวที่ชื่อ Jamal Khashoggi เป็นคนมีชื่อเสียง มีผลงานโดดเด่น เป็นคนทำสื่อชาวซาอุฯ ที่หนีไปอยู่สหรัฐฯ เพราะชีวิตถูกคุกคาม เมื่อไปอยู่อเมริกาก็เขียนคอลัมน์ประจำให้หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์
เพราะคาช็อกกีเป็นคนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของผู้นำซาอุฯ อย่างตรงไปตรงมา โดยแสดงความเห็นผ่านสื่อทีวีและหนังสือพิมพ์ของสหรัฐฯ เป็นประจำ จึงทำให้มีคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาอาจจะเป็นเหยื่อของแผนฆาตกรรมโหดที่สั่งตรงมาจากระดับสูงของประเทศ
ข่าวในสื่อสหรัฐฯ อ้างว่าซีไอเอได้สอบสวนเรื่องนี้อย่างลุ่มลึก กระจายการเจาะข่าวกรองไปหลายแหล่ง รวมถึงการฟังบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง Khalid bin Salman อนุชาของมกุฎราชกุมารและเอกอัครราชทูตซาอุฯ ประจำสหประชาติกับนายคาช็อกกี
ข่าวกรองชิ้นนี้อ้างว่าคาช็อกกีได้รับคำแนะนำจากทูตคนนี้ว่าให้ไปที่สถานกงสุลซาอุฯ ที่อิสตันบูล (ประเทศตุรกี) เพื่อเอาเอกสารที่เขาต้องการ อีกทั้งยังให้ความมั่นใจว่าทุกอย่างจะปลอดภัย
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทูตคาลิดรู้ล่วงหน้าหรือไม่ว่าคาช็อกกีจะถูกสังหาร ณ จุดนั้น แต่ข่าวกรองสหรัฐฯ อ้างว่าทูตคุยกับคาช็อกกีตามคำสั่งของมกุฎราชกุมาร
แต่อัยการของซาอุฯ ที่ทำคดีนี้ยืนยันเสียงแข็งว่า มกุฎราชกุมารซัลมานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีสังหารโหดครั้งนี้แต่อย่างใด
ในคำฟ้องนั้นอัยการกล่าวหาผู้ต้องสงสัย 11 คน และขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิต 5 คนที่ถือว่าเป็นมือสังหาร
ในคำฟ้องอัยการซาอุฯ อ้างว่าทีมนักสังหารถูกส่งไปปฏิบัติการครั้งนี้ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอาวุโส ที่ได้กระทำการไปตามแผนการของตนเองโดยไม่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล
คำฟ้องบอกด้วยว่า คาช็อกกีถูกทีมสังหารนี้ล็อกตัวและจับฉีดยาร้ายแรงปริมาณสูงจนนำไปสู่การเสียชีวิต
ผู้คนสงสัยในคำให้การของฝ่ายรัฐบาลซาอุฯ มาตั้งแต่ต้น เพราะคำแถลงแต่ละครั้งขัดแย้งกันเองมาตลอด
แรกเริ่มก็บอกว่าคาช็อกกีไม่ได้ตาย ออกจากสถานกงสุลทางประตูหลัง
วันต่อมาก็บอกว่าคาช็อกกีหายตัวไปไร้ร่องรอย แต่ยังมีชีวิตอยู่
จากนั้นก็ออกข่าวว่านักข่าวซาอุฯ คนนี้ตายแล้ว แต่ไม่รู้อยู่ไหน
อีกไม่กี่วันต่อมาก็ยอมรับว่าศพของเขาถูกหั่นเป็นชิ้นๆ และคนที่กระทำการเช่นนี้เป็นเจ้าหน้าที่นอกคอกที่วางแผนและกระทำการไปโดยพลการ
พอเกิดเรื่องร้ายเช่นนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ตอนแรกออกมาปกป้องรัฐบาลซาอุฯ ต่อมาก็บอกว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมาก ทำเนียบขาวจะต้องพิจารณาลงโทษ
แต่ทรัมป์ยืนยันว่าจะไม่ยุติการขายอาวุธให้ซาอุฯ "เพราะถึงแม้เราจะไม่ขาย ประเทศอื่นก็ขายอยู่ดี"
ข่าวล่าสุดบอกว่าซีไอเอก็ไม่รู้ว่าเศษซากของศพคาช็อกกีอยู่ไหน
หนึ่งในหลักฐานสำคัญของคดีนี้คือ "เทปเสียง" ที่เจ้าหน้าที่ตุรกีอ้างว่าเป็นเสียงของการสนทนาระหว่างคาช็อกกีกับทีมสังหาร
เสียงเทปนั้นยืนยันว่าทันทีที่คาช็อกกีเข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ ที่เมืองอิสตันบูล ก็ถูกคณะมือสังหารล็อกตัวและถูกจับฉีดยาจนหมดสติก่อนจะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อทำลายหลักฐาน
ในเทปมีเสียงของกงสุลใหญ่ซาอุฯ ที่แสดงความไม่พอใจที่กลายเป็นภาระของเขาที่ต้องจัดการเคลียร์ซากศพและทำความสะอาดห้องทำงานของตัวเองที่กลายเป็นจุดเกิดฆาตกรรม
เทปนั้นยังมีเสียงของหนึ่งในมือสังหารโทรไปแจ้งคนใกล้ชิดกับมกุฎราชกุมารว่าปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศแซงก์ชันเจ้าหน้าที่ซาอุฯ 17 คนที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันการสังหารคาช็อกกี
ประธานาธิบดีตุรกี เรเซ็บ เทย์ยิบ เออร์โดกาน บอกว่ารัฐบาลตุรกีได้ส่งสำเนาเทปเสียงนั้นให้รัฐบาลเยอรมนี, ฝรั่งเศส, อังกฤษ และซาอุฯ
แต่เมื่อทรัมป์ต้องการให้มกุฎราชกุมารซัลมานอยู่ในตำแหน่งต่อไป เพราะเป็นคนสำคัญในการสกัดอิทธิพลอิหร่านในตะวันออกกลาง การสอบสวนหาคนผิดอย่างตรงไปตรงมาในกรณีนี้ก็เกิดขึ้นไม่ได้
คอยดูต่อไปว่าทรัมป์จะเชื่อหรือไม่เชื่อซีไอเอของตน หรือจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อผลการสอบของหน่วยข่าวกรองมะกันตรงกันข้ามกับจุดยืนของรัฐบาลตนเองเช่นนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |