ความเชื่อแบบตะวันออก


เพิ่มเพื่อน    

สภาพจราจรในกรุงพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย

ลังกา เป็นย่านที่ได้ชื่อว่ามีผู้อยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดในกรุงพาราณสี เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยฮินดูบานาเรส (Banares Hindu University : BHU) ซึ่งบานาเรส (Banares) และเบนาเรส (Benares) คือชื่อที่จักรวรรดิอังกฤษใช้เรียกกรุงพาราณสีในสมัยที่พวกเขาเข้ายึดครอง มหาวิทยาลัยแห่งนี้ใช่ว่าจะเปิดสอนเฉพาะด้านศาสนาฮินดูตามชื่อ หากแต่มีถึง 6 สถาบัน 14 คณะ และ 140 ภาควิชาอยู่ภายใน ทั้งด้านศิลปะ เทคโนโลยี การบริหารจัดการ กฎหมาย การแพทย์ การเกษตร สิ่งแวดล้อม ฯลฯ สถาปนาขึ้นเมื่อ 102 ปีก่อน

นักศึกษาอยู่อาศัยในหอพักภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยถึงกว่า 3 หมื่นคน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นจำนวนที่มากที่สุดในทวีปเอเชีย นอกจาก BHU แล้วย่านลังกายังเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 2 แห่ง โรงเรียนที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียงระดับประเทศ  1 แห่ง อีกทั้งบรรดาพิพิธภัณฑ์ ธนาคาร ร้านอาหาร ร้านหนังสือ และร้านขายยาจำนวนมาก

ดรุณี สาวจากอำเภอพุทธคยาก็พักอยู่ในย่านนี้ใกล้ๆ กับสำนักงานธนาคารแห่งอินเดีย (State Bank of India : SBI) ที่ทำงานของเธอ ก่อนจะจากกันเธอชี้บอกผมให้ข้ามถนน BHU-Lanka Road ไปขึ้นออโต้อีกฝั่ง ผมก็ข้ามไปตามเธอว่า เรียกออโต้ได้คันหนึ่งถามราคาเพื่อไปยังท่าน้ำอัศวเมศ โชเฟอร์บอก 50 รูปีผมก็ตกลง นึกว่าเป็นแบบเหมาแต่ที่ไหนได้เขารับผู้โดยสารขึ้นมาจนเต็มคันและเก็บคนเหล่านั้นแค่คนละ 20 รูปี

รถจอดที่วงเวียน Girja Ghar คนขับบอกว่าตำรวจห้ามไปต่อ ผมจึงต้องลงเดินอีกประมาณ 300 เมตร โดยมีชาวพาราณสีผู้น่ารักร้องทักตลอดทาง ทั้งชวนแลกเงินและเสนอที่พัก

คนหนึ่งเข้ามาถามว่ามีเกสต์เฮาส์หรือยัง ผมตอบว่ามีแล้ว เขาก็ถามว่าเกสต์เฮาส์ชื่ออะไร ผมนึกว่าเขาหยั่งเชิงคิดว่าผมยังไม่ได้จองที่ไหน ผมก็บอกชื่อ Baba Guest House นึกว่าจะจบเรื่อง เขาบอกให้ผมเดินตามไป “มาทางนี้ มาทางนี้”

แม้จะบอกเขาว่าผมรู้เส้นทาง เขาก็ยังเดินนำไปอยู่ดี หลายครั้งผมแกล้งทำเป็นหยุดดูนั่นดูนี่เขาก็ยืนรอด้วยความอดทน จากถนนท่าน้ำอัศวเมศ(Dashashwamedh Ghat Road) เลี้ยวเข้าไปยังซอยแคบๆ แค่คนเดินสวนกันชื่อ “บังกาลีโตลา” (Bangali Tola Road) จนถึงเกสต์เฮาส์ ระยะทางประมาณ200 เมตร พ่อพระแห่งพาราณสีขอค่าเดินมาส่ง 50 รูปี ผมล้วงให้ไป 20 รูปี คิดเสียว่าเป็นค่าอาชีพที่สร้างสรรค์พลิกแพลง

พิจารณาดูแล้วที่พาราณสีใครๆ ก็มีงานทำ ขอแค่มีไหวพริบสักนิดและหน้าหนาสักหน่อย รับรองไม่อดตาย พ่อพระรับเงินจากผมไปแล้วก็กล่าวเชิญให้ไปเยี่ยมร้านเสื้อผ้าของเขาในวันหลัง เท่ากับว่างานเดินส่งนักท่องเที่ยวนี้เป็นเพียงแค่อาชีพไซด์ไลน์เท่านั้น

ขณะผมนั่งอยู่ในล็อบบี้ของเกสต์เฮาส์มีฝรั่งสาวหน้าตาดีเดินเข้ามาแนะนำตัวเองว่าชื่อ “อนา” เป็นผู้จัดการของเกสต์เฮาส์ ทราบภายหลังว่าเธอมาจากประเทศยูเครน ติดอกติดใจพาราณสีจนไม่ยอมกลับประเทศและได้งานทำที่เกสต์เฮาส์แห่งนี้

จุดประสงค์หลักของการเดินทางมายังพาราณสีของผมครั้งนี้คือการมาร่วมงานพิธีลอยอังคารของเพื่อนฝรั่งเยอรมันชื่อ “ยุตทา” เธอเสียชีวิตลงเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน โดยได้ฝากฝังสามีไว้ว่าหากเธอลาลับไปแล้วให้เผาร่างของเธอแล้วนำเถ้ากระดูกไปโปรยที่คงคามหานที ณ กรุงพาราณสี

ยุตทาผูกพันกับแม่น้ำคงคา กรุงพาราณสี และประเทศอินเดีย ซึมซับเอาความเชื่อหลายอย่างแบบฮินดูไปเต็มๆ จากการใช้ชีวิตร่วมสิบปีในดินแดนชมพูทวีปเมื่อครั้งยังสาว เธอกับไมเคิลผู้เป็นคู่ชีวิตเดินทางไปทั่วอินเดียเพื่อทำแผนที่ในระบบคอมพิวเตอร์ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งในสมัยที่ยังไม่มีกูเกิลแมป

เราเจอกันที่กรุงเทพฯ สองหรือสามครั้งเท่านั้นแต่สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ยุตทาติดต่อทางอีเมลกับผมอยู่เป็นระยะ ในช่วงหลังเราส่งข้อความหากันน้อยลง แต่อย่างน้อยก็ต้องกล่าวสวัสดีปีใหม่ต่อกัน

หลังจากเธอเสียชีวิต ไมเคิลผู้ไม่มีอีเมลของผม ไม่มีรหัสผ่านอีเมลของยุตทา แต่อาศัยความเป็นยอดเซียนด้านคอมพิวเตอร์จัดการแฮ็กอีเมลของยุตทาจนได้อีเมลแอดเดรสของผมแล้วแจ้งข่าวเศร้าให้ทราบ พร้อมกับหมายมั่นจะทำตามคำสั่งของภรรยาผู้ล่วงลับ จึงบอกข่าวการเดินทางมายังกรุงพาราณสีแก่ผมที่กำลังวางแผนจะเดินทางมาสักการะพุทธสังเวชนียสถานอยู่แล้ว

ไมเคิล, ซิลเวีย ผู้เป็นแฟนใหม่, สเวน ลูกติดจากแฟนใหม่, แกร์นอท เพื่อนรุ่นพี่ของสเวน และกุนเธอร์ เพื่อนเก่าแก่ของยุตทาบินจากเยอรมนีสู่กรุงนิวเดลีเมื่อสี่ห้าวันก่อน และวันแรกที่เมืองหลวงของประเทศอินเดีย ซิลเวียตกบันไดโรงแรมขาหัก

ในกลุ่มที่มาด้วยกันไม่มีใครทำประกันชีวิตมาเลยยกเว้นซิลเวีย หลังการผ่าตัดใส่เหล็กให้กับขาท่อนบนทุกคนก็รู้ว่าไม่มีทางที่ซิลเวียจะสามารถเดินทางมายังกรุงพาราณสีได้ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จากเยอรมนีบินด่วนมายังโรงพยาบาลในกรุงนิวเดลีเพื่อนำเธอขึ้นเครื่องบินกลับประเทศทันทีที่ร่างกายพอไหว

ไมเคิลแจ้งข่าวให้ผมทราบตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่พุทธคยา ผมจึงมีเวลาลุ้นใบโพธิ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ในฤดูที่ใบไม้ยังไม่ร่วงอยู่ถึง 5 วัน ก่อนเขาจะบอกว่ากุนเธอร์นั่งรถไฟมาพาราณสีได้สองสามวันแล้วเพราะในกรุงนิวเดลีไปทางไหนก็เจอแต่ฝุ่นควันมลพิษ

ผู้ยิ่งใหญ่ในซอยบังกาลีโตลา เขตเมืองเก่ากรุงพาราณสี

ผมไม่รู้จักกุนเธอร์มาก่อนแต่เขาเพิ่งมาอินเดียเป็นครั้งแรกในวัย 65 ปี จึงละทิ้งโอกาสที่จะลุ้นใบโพธิ์ต่อแล้วเดินทางมาสมทบที่พาราณสีเผื่อว่าเขาต้องการความช่วยเหลือใดๆ และกุนเธอร์นี่เองที่เป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ปริศนาที่ผมไม่ยอมรับสายเพราะกลัวว่าจะเป็นสายของแขกขายประกัน

ฝ่ายไมเคิล, ลูกติด และเพื่อนลูกติดมีกำหนดจะตามมาทันทีที่ซิลเวียขึ้นเครื่องบินกลับเยอรมนี และในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเดินทางมายังพาราณสี 1 วันก่อนที่ซิลเวียจะกลับเยอรมนีด้วยซ้ำ อาจเพราะเกรงใจผมที่รอจนต้องปรับแผนการเดินทางหลายตลบ

กุนเธอร์โผล่มาตอนที่ผมอ้าปากค้างเพื่อสรรหาคำพูดมาตอบ “อนา” สาวสวยจากยูเครน เขาโผเข้ากอดทักทายเหมือนว่ารู้จักกันมานาน ใบหน้าและรอยยิ้มของเขาบ่งชัดว่าเป็นคนดีมีน้ำใจ กุนเธอร์จองห้องพักไว้ให้ผมก่อนแล้ว ฝ่ายอนาก็เอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปพาสปอร์ตหน้าข้อมูลส่วนบุคคลของผมเพื่อจะนำไปลงทะเบียนในแบบฟอร์มที่ต้องส่งทางการทีหลัง

ผมนึกว่ากุนเธอร์จะโดดเดี่ยวเดียวดายในดินแดนวุ่นวายโกลาหลแห่งนี้ ที่ไหนได้เขามีเพื่อนใหม่เป็นพราหมณ์หนุ่ม ลูกหลานพราหมณ์ตระกูลใหญ่ของเมือง ต่อมาเขาก็ได้กลายเป็นเพื่อนของผมด้วย

กุนเธอร์โชคดีมหาศาลที่ได้เจอและพูดคุยกับพราหมณ์หนุ่มบนรถไฟตอนที่เขาเดินทางมาจากกรุงนิวเดลี แม้จะร่ำลากันแล้วที่หน้าสถานี Varanasi Junction แต่ตอนที่กุนเธอร์ผู้มีความมัธยัสถ์เป็นเลิศไม่ยอมลงให้กับการเรียกราคาของออโต้และสามล้อถีบและกำลังเดินหาคันใหม่อยู่บนถนนนั้น พราหมน์หนุ่มก็เรียกให้เขาขึ้นออโต้โดยสารไปในคันเดียวกัน และจ่ายราคาคนท้องถิ่นคือ 20 รูปี

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เจอกันทุกวัน พราหมณ์หนุ่มได้เชิญให้กุนเธอร์ไปที่บ้านซึ่งเป็นสถานปฏิบัติพิธีบูชาตามแบบฮินดู ในช่วงกลางวันที่เขาไม่ได้ทำพิธีใดๆ ให้กับฮินดูผู้มากศรัทธาเขาก็จะโทรศัพท์ถามไถ่กุนเธอร์ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย และหลังเสร็จพิธีในช่วงกลางคืนเขาก็จะถอดชุดพราหมณ์แล้วสวมกางเกงยีนส์ เสื้อยือ รองเท้าแตะ เดินมาหากุนเธอร์

พราหมณ์หนุ่มขอตัวกลับบ้านตอนที่ผมชวนไปกินมื้อค่ำที่ร้าน Jyoti ริมถนนบังกาลีโตลา ไม่ห่างจากเกสต์เฮาส์ ร้านนี้ผมกินสามสี่ครั้งในการมาเยือนพาราณสี 2 ปีก่อน จัดการสั่ง Chicken Biryani ซึ่งมีรสชาติคล้ายข้าวหมกไก่ แต่กุ๊กและเจ้าของร้านในร่างเดียวกันผัดมาซะชุ่มน้ำมัน ส่วนกุนเธอร์สั่งฟาลาเฟล อาหารตะวันออกกลาง เขาเผยโฉมมังสวิรัติแก่ผม และไม่ใช่มังสวิรัติธรรมดาแต่เป็นมังสวิรัติขั้นกว่า เรียกว่า “วีแกน” (Vegan) และจากนี้ไปคนดีของผมจะเริ่มเผยโฉมอะไรอีกหลายๆ อย่าง

กินมื้อค่ำเสร็จกุนเธอร์ชวนผมขึ้นไปบนดาดฟ้าของเกสต์เฮาส์ ด้านนอกของร้านอาหารที่ปิดไปแล้ว หลายคนที่นั่งอยู่ก่อนชวนให้ร่วมโต๊ะ ในกลุ่มนี้มีเจ้าของเกสต์เฮาส์ชาวอินเดียที่พักอาศัยอยู่เป็นครอบครัวที่ชั้นล่างสุด, อนา ผู้จัดการเกสต์เฮาส์, ราชูและเอมี คู่รักอินเดีย-ฝรั่งเศส ผู้จัดการร้านอาหารของเกสต์เฮาส์บนชั้นดาดฟ้านี้, ราเจซ กุ๊กจากพุทธคยา และคนอื่นๆ อีกสี่ห้าคน

เกือบทั้งหมดค่อยๆ ทยอยลงไปนอน เหลือราเจซและพนักงานวัยรุ่นไม่กี่คน เพราะพวกเขานอนกางมุ้งอาบเดือนห่มดาวกันบนนี้

กุนเธอร์พูดถึงเหตุการณ์ที่ซิลเวียตกบันไดขาหักว่าอะไรจะซวยขนาดนั้น ผมแสดงความเห็นถึงการรับน้องโหดของอินเดียว่าหากเป็นเมืองไทยเราก็คงจะพูดกันว่าสาเหตุมาจากยุตทาไม่ต้องการให้ซิลเวียเดินทางมาด้วย บรรดาชาวอินเดียที่ร่วมโต๊ะก็มีคำอธิบายไม่ต่างกัน

ก่อนจะแยกย้านเข้านอน กุนเธอร์โทรศัพท์ถามความคืบหน้าอาการของซิลเวียที่ซ่อนความหมายอยู่ในนั้นว่าเมื่อไหร่พวกคุณจะเดินทางมายังพาราณสี พร้อมทั้งเผยโฉมความเป็นคนไร้ความลับ เล่าข้อสันนิษฐานเรื่องซิลเวียขาหักของชาวเอเชียไปยังคณะฝรั่งทางนิวเดลี  

วางสายจากพวกเขาแล้วกุนเธอร์ก็บอกผมว่าแกร์นอทผู้ไม่มีสัมพันธ์ใดกับซิลเวียเชื่อตามคำอธิบายแบบตะวันออกของพวกเรา

งานนี้ แฟนเก่าหักขาแฟนใหม่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"