ถ้ามีการจัดอันดับ "ข่าวน่ารังเกียจแห่งปี"
ผมโหวตให้ ข่าว............
"นายกสภามหาวิทยาลัย, กรรมการสภามหาวิทยาลัย"
ที่พยายามทำตัว "เหนือการตรวจสอบ" ตามกฎหมาย ป.ป.ช.
ครองอันดับ ๑!
ทำไมหรือ คนตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ของรัฐ ทั้งประเทศ เขายื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.กันได้
แล้วนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการฯ เป็นตัวอะไร?
เป็นตัววายุภักษ์...........
"กินลมเป็นอาหาร" อย่างนั้นหรือ ถึงรังเกียจ-รังงอน ที่จะยื่นบัญชีทรัพย์สินนัก?
เห็นท่านรองฯ วิษณุ ออกตัวให้หลายวันก่อนว่า ไม่ปฏิเสธ-ไม่รังเกียจหรอก
แต่หยุมหยิม น่ารำคาญ!
ถ้าปัญญาชน สูงด้วย "คุณวุฒิ-วัยวุฒิ-วุฒิศึกษา" ระดับนายกสภาฯ-กรรมการสภามหาวิทยาลัย อันเป็นบุคคลชั้นนำสังคมชาติ
บอกว่า การ "ยื่นบัญชีทรัพย์สิน" เป็นเรื่องหยุมหยิม น่ารำคาญ
แบบนี้.......
ถ้าภาคประชาชน ภาคธุรกิจการค้า ชาวไร่-ชาวนา เขาจะบอกบ้างล่ะ ว่า
กูไม่เสียละ...ภาษี!
กว่าจะหาได้แต่ละบาท เลือดตาแทบกระเด็น ให้รีดไปเลี้่ยงรัฐ แล้วยังต้องให้กรอกข้อความจุกจิกอีกร้อยแปดพันเก้า
หยุมหยิม น่ารำคาญ........
แล้วท่านนายกสภาฯ และท่านกรรมการสภาฯ จะว่าไง? ทั้งเงินประจำตำแหน่ง ทั้งเบี้ยประชุม ทั้งนั่น-ทั้งนี่ ที่เป็นดอกผลตามมา
หยุมหยิม น่ารำคาญ ไม่ต้องการ ไม่อยากได้ ทำงานให้ ไม่ขอรับ อย่างนั้นหรือไม่?
ประเทศที่จมปลัก ส่วนหนึ่งก็เพราะ "ทุจริต-คอร์รัปชัน" ฝังราก ในทุกระบบราชการงานหลวง
ครั้นจะตามจ้อง-ตามจับ ไปทุกคน-ทุกที่ มันไม่สามารถทำได้อย่างนั้น
บ้านเมืองจึงต้องมีกฎหมายเป็น "ตาข่ายจักรวาล" คลุมไว้ เป็นการป้องปราม .......
เพราะในคนหมู่มาก "ดี-ชั่ว" คละเคล้า
ดังนั้น การให้ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ไม่ได้หมายความว่า "สงสัยคนนี้-หน่วยงานนั้น จะทุจริต ต้องตรวจสอบ"
มันเป็นมาตรการ "ป้อง-ปราม" ทั่วไป ตามมาตรา ๑๐๒ ประกอบมาตรา ๑๐๖ ของ พ.ร.บ.ป.ป.ช.ฉบับใหม่ นั่นแหละ
ตรงกันข้าม........
การยื่นบัญชีทรัพย์สิน นอกจากเป็นเครื่องช่วย "เตือนสติ" ต่ออามิสยั่วเย้าบางขณะแล้ว
ยังเป็นตัวขับเน้น "ความสง่างาม" ด้านสุจริต-โปร่งใส พร้อมให้ "สังคม" ตรวจสอบ
เท่ จะตายไป
ไอ้ที่เกี่ยงงอน หลีกเลี่ยง-ปกปิดการตรวจสอบนั่นตะหาก
ส่อพิรุธ น่ารังเกียจ .........
เป็น "ตัวอย่างเลว" ให้คนอื่นยกอ้าง เพื่อจะเป็น "บุคคลเหนือการตรวจสอบ" อย่างนั้นบ้าง!
ป.ป.ช.ทุกวันนี้ เป็น "ภาพพร่า" ในสายตาสังคมมาก
แต่การที่ ป.ป.ช. "ไม่สมยอม"
โดยยืนกรานตามกฎหมาย นายกสภาฯ และกรรมการสภามหาวิทยาลัย" ต้องยื่น "บัญชีทรัพย์สิน
ภาพ ป.ป.ช. "ชื่นศรัทธา" ในสังคมประเทศ "โจรลากไป-ทหารลากมา" มากทีเดียว!
การ "ขยายเวลา" บังคับใช้ประกาศ ป.ป.ช.กับตำแหน่งตำแหน่งนายกและกรรมการสภาฯ ทั้งในมหาวิทยาลัยกำกับของรัฐและในสังกัดของรัฐ
รวมถึง "ตำแหน่งประธานสภา, รองประธานสภา และกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า ออกไปอีก ๖๐ วัน
คือ เลื่อนให้ไปมีผลบังคับใช้ในวันที่ ๓๑ ม.ค.๖๒ ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน นั้น
ถือว่า ป.ป.ช. "๒ มาตรฐาน" อ่อนๆ มากแล้ว
ถ้ามากกว่านี้..........
คือยกเว้นไปเลย ตามเจตนาที่เขาเรียกร้อง ป.ป.ช.ก็ควรยุบซะดีกว่า
หรือถ้าองค์รัฏฐาธิปัตย์ทนแรงกดดันไม่ไหว หรืออยากประจบเอาใจอภิสิทธิ์ชนคนกลุ่มนี้ โดยใช้ ม.๔๔
ก็ควรใช้ ม.๔๔ ไล่ตัวเองด้วย!
เมื่อวาน ผมยกงานวิจัยท่าน "สุธี อากาศฤกษ์" ว่าด้วยมูลเหตุฉ้อราษฎร์บังหลวง ๘ ประการ มาให้ดู
ในประการที่ ๗ และที่ ๘ มีว่า.........
๗.การมีตำแหน่งหน้าที่ "เอื้ออำนวย" ต่อการกระทำความผิด โดยเฉพาะตำแหน่ง "มีอำนาจ" ในทาง
" ให้คำอนุมัติ อนุญาต ให้สัมปทาน หรือใบประกอบการ" ต่างๆ
ผู้ประกอบการเอกชน มักจะยอมเสียเงิน "ติดสินบน" เจ้าหน้าที่ เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว
และสามารถ "เลี่ยงระเบียบกฎหมาย" ได้ ทั้งในระดับต่ำและระดับสูง
๘.การตกอยู่ในภาวะแวดล้อมและอิทธิพลของผู้ทุจริต และมูลเหตุจูงใจอื่นๆ ภาวะแวดล้อมดังกล่าว ได้แก่ ลักษณะที่เรียกว่า "กินกันเป็นทีม"
เนี่ย...จากงานวิจัยอดีตเลขาฯ ป.ป.ป.ในวังวนคนองค์กรรัฐ มันมีแบบนี้ปะปน
ถึงมีกฎหมายเป็น "คอกล้อม" ขนาดนี้แล้ว วัว-ควาย มันก็ยัง "แหกคอก" เกรงกลัวกันซะที่ไหน!
เห็นพูดกันว่า ถ้าให้ยื่น จะลาออกกันหมด!
สาธุ....
จะถวายหัวหมูตุ๊บตั๊บ "ศาลเจ้าพ่อเปาบุ้นจิ้น" ๑,๐๐๐ หัวเลย
ก็อยากเห็นเหมือนกันว่า บุคคลจำพวก "อย่ามาสงสัยในความโปร่งใสของพวกผม" ลาออก ประท้วงการตรวจสอบกันหมดแล้ว
มหาวิทยาลัยรัฐ ต้อง "ปิดหมด-เจ๊งหมด" มั้ย?
เพราะหาคนเป็นนายกสภาฯ และกรรมการสภาฯ ที่ยินดีปฏิบัติตามกฎหมายไม่ได้!
ทุกวันนี้ ข่าวในโซเชียลมีเดียแต่ละวัน มีแต่ข่าวหดหู่ทางการศึกษา
"ปั๊มปริญญา" แลกเงินเด็ก จนมหาวิทยาลัยในไทยตกมาตรฐาน
ใบปริญญาใช้ได้ผลอย่างเดียว คือ "สมัคร ส.ส."!?
เมืองไทย นั้น ...........
วันไหน พวก "สังคมแสร้งดี" ลดน้อยลงไป
วันนั้น ประเทศไทย จะเดินหน้าไปได้สะดวก และพัฒนาได้เต็มเม็ด-เต็มหน่วยมากกว่านี้ เพราะไร้ปลวกแทะ!
ในความเป็นสังคมประเทศที่ประกอบด้วยคนร้อยแปดพันเก้า จะบริหารแบบ "เอาใจ" ไปทุกเรื่อง โดยไม่ยึดระเบียบแบบแผนไว้บ้าง
ความมักได้-ตามใจชอบ จะสบาย (ใจ) ชั่วขณะ
แต่ในระยะยาว ในความไร้กฎระเบียบ ความไม่เอาจริงในมาตรการ
สังคมรวม จะเหลิง เอาแต่ใจ เอาแต่ได้ ทุกคน-ทุกฝ่ายจะ "ตัวใคร-ตัวมัน"
ถูก-ผิด กูไม่รู้ เมื่อได้อย่างใจ ก็แล้วไป
แต่วันไหน ไม่ได้อย่างใจ ยิ่งในสังคมทาสวัตถุไอทีวันนี้ จะโหมประโคมเรื่องราวข่าวสารขยะ ปลุกระดมโลมเร้า เผาบ้าน-เผาเมืองกัน ไม่ยั้งคิด
ทุกคนมีมือถือ เท่ากับทุกคนเป็นเจ้าของสื่อ ในเมื่อมีสื่อในมือ เท่ากับทุกคนได้ครองโลก
ดังนั้น ถ้าบ้าจี้ทำตาม "กระแสสื่อลาก" ขัดใจก็กลัวถูกรุมด่า เช้าจึงออกกฎหมายอย่าง บ่ายออกมาแก้ไขอีกอย่าง
หรือประเภท สั่งไปก่อน แล้วนอนวัดกระแส ไล่แก้ตามหลัง
ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อยๆ วัตถุยุคไอทีนิยม จะทำให้ประเทศเป็น "สังคมดื้อยา"
"ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ" ตามที่หลวงปู่พุทธทาสว่าไว้ จะเกิดจริงๆ!
ทุกวันนี้ สังเกตให้ดี จะมีฝ่าย "คอยหักล้าง" รัฐบาล
อย่างเรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง ตอนรัฐบาลบอก "ตามโรดแมป" ก็พยายามจุดประเด็น เป็นว่า
รัฐบาล คสช.พยายามยื้อ อยากอยู่ยาว
พอรัฐบาลลงรายละเอียด "๒๔ กุมภา.๖๒" จะเลือกตั้ง
วันนี้ มีขบวนการยื้อ "ขอเลื่อนวันเลือกตั้ง"!
คือ ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไร ผิดหมดแหละ ไปทางซ้าย จะมีขบวนการสร้างกระแสว่า ไม่ใช่..ต้องขวาจึงจะถูก
ครั้นไปขวา ก็จะบอกอีกละว่า ไม่ถูก..ต้องไปทางซ้าย!
ฉะนั้น จะออกมาตรการ จะออกคำสั่ง หรือจะทำอะไร เมื่อถ้วนถี่และมั่นใจว่าไม่พลาดประโยชน์รวม "ในทางยาว"
แล้วเดินหน้าเลย!
อย่างสมัยป๋าเปรม ทุกเรื่อง ตั้งแต่โชติช่วงชัชวาล อีสเทิร์นซีบอร์ด ปรับค่าเงินบาท ฯลฯ
ลงมือทำปุ๊บ เสียงต้านขรม ไม่ดี..ไม่ใช่..ทำไปทำไม หากินกันละซีเนี่ย เปลืองเงิน-เปลืองงบ ต่างๆ นานา
ลงท้าย ที่ด่า-ที่ต้าน กันมาทั้งหมด เป็นคุณูปการ เป็นรากฐานประเทศถึงวันนี้ ทั้งนั้น
พืชพันธุ์ธัญญาหาร งอกงามจากกองขี้
งานสร้างสรรค์ ประโยชน์ชาติในสังรวม ก็อย่างนั้น ล้วนเกิดกลางแรงต้าน
ดังนั้น เมื่อมั่นใจว่า ที่ทำนั้น "ใช่"
ใส่ไม่ยั้งเลย...ท่านนายกฯ!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |