15 พ.ย.61-ที่ รร.ทาวน์อินทาวน์ กรุงเทพฯ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าว มอบนโยบายในการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "การจัดทำคำของบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 " ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 แก่เจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (สวจ.) สภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร และสภาวัฒนธรรมเขต 50 เขต ตลอดจนเครือข่ายวัฒนธรรมภาคกลาง และภาคตะวันออกว่า ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดประสานงานกับเครือข่ายทุกจังหวัดร่วมขับเคลื่อนโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งล่าสุดได้จัดทำสารคดีพิเศษ ชุด ใต้ร่มพระบุญญา กษัตราธิราช นำเสนอความเป็นมาของประวัติศาสตร์ชาติไทยในแต่ละรัชสมัย เผยแพร่ยังสื่อแขนงต่างๆ งานพระราชพิธีเนื่องในโอกาสสำคัญ เช่น วันเฉลิมพระชนมพรรษา งานใต้ร่มพระบารมี 237 ปีกรุงรัตนโกสินทร์
นายวีระ กล่าวว่า ในการสร้างความมั่นคงชาติผ่านมิติวัฒนธรรม วธ.ได้รับมอบมายจากรัฐบาลให้ประสานงานด้านการสร้างภาพลักษณ์และความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ได้แก่ การเตรียมพร้อมจัดการแสดงในการประชุมระดับผู้นำอาเซียนและคู่เจรจา จำนวน 5 ครั้ง พร้อมทั้งจัดชุดแต่งกายและของที่ระลึกในการประชุม รวมทั้งประสานงานจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ปี 2562 เป็นปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียนตามปฏิญญายอกยาร์กาตา นำวัฒนธรรมอาเซียนสู่สากล หรือ Asean to the world การขยายพื้นที่ศูนย์วัฒนธรรมอาเซียนอีก 60% เพื่อรองรับการจัดกิจกรรมตลอดปี 2562 และ 3.การผลักดันการขึ้นทะเบียนมรดกโลกสร้างภาพลักษณ์และเกียรติภูมิของประเทศไทย คาดว่าปลายปีนี้ ยูเนสโกจะประกาศรับรองการแสดงโขนขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลก โดยมอบหมายให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เตรียมพร้อมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง อีกทั้งการผลักดันโบราณสถานของไทยขึ้นบัญชีมรดกโลกเพิ่มขึ้น ทั้งพระธาตุพนม จ.นครพนม อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ และอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งและปราสาทบริวาร. จ.บุรีรัมย์
" นอกจากนี้ยังเร่งขับเคลื่อนในงานด้านมิติวัฒนธรรมสร้างรายได้ชุมชนท้องถิ่น ได้แก่ การขยายตลาดประชารัฐ ตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรมซึ่งล่าสุดมีจำนวน 91 แห่ง ตลาดงานวัดทั่วประเทศ การพัฒนาและปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ทั้งพิพิธภัณฑ์ หอสมุดแห่งชาติทั่วประเทศ การจัดสร้างคลังกลางโบราณวัตถุ และสร้างเครือข่ายองค์กร ชุมชนคุณธรรมทั่วประเทศ ที่สำคัญในช่วงปลายปียังประสานงานกับวัดและภาคส่วนต่างๆ จัดงานสวดมนต์ข้ามปี ปีนี้ถือว่าจัดพิเศษกว่าทุกครั้ง เนื่องจากได้ประสานงานกับประเทศที่นับถือศาสนาพุทธกว่า 10 ประเทศเพื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปสำคัญมาประดิษฐานชั่วคราวให้ประชาชนได้สักการะและจะมีสมเด็จพระสังฆราช ตลอดจนผู้นำสงฆ์และผู้นำชาวพุทธจากนานาประเทศมาร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ถือเป็นงานสำคัญและยิ่งใหญ่" นายวีระ กล่าว
