การส่งตัวผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮีนจาตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลบังกลาเทศและเมียนมาล้มเหลวอีกครั้ง เมื่อชาวโรฮีนจานับพันคนชุมนุมประท้วงอย่างโกรธแค้นและไม่มีใครยอมข้ามแดนกลับเมียนมา  ทำให้ไม่สามารถเริ่มต้นได้ตามแผนในวันพฤหัสบดี

ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาร้องตะโกนด้วยความโกรธแค้น เพื่อต่อต้านโครงการส่งโรฮีนจากลับคืนเมียนมา ที่ค่ายลี้ภัยอุนชีปรัง ใกล้เมืองเทคนัฟของบังกลาเทศ เมื่อวันพฤหัสบดี / AFP

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 ว่าผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮีนจานับพันคนพากันชุมนุมประท้วงใกล้กับชายแดนเมียนมา พร้อมกับร้องตะโกนว่า "เราจะไม่ไป" ตามแผนที่วางไว้นั้น ชาวโรฮีนจาชุดแรก 150 คนจะต้องถูกตัวข้ามแดนในวันเดียวกันนี้ แต่เจ้าหน้าที่บังกลาเทศยอมรับว่า ไม่มีชาวโรฮีนจาเสนอตัวหรือแสดงความประสงค์จะกลับคืนถิ่นแม้แต่รายเดียว

พวกผู้นำชุมชนชาวโรฮีนจากล่าวกันด้วยว่า หลายคนที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ 2,260 คนที่บังกลาเทศจะส่งตัวกลับเมียนมา ได้พากันหนีไปหลบซ่อนตัว

ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาชูป้ายข้อความ "เราจะไม่กลับไป หากไม่ได้รับสิทธิและความเป็นพลเมือง" ขณะร่วมประท้วงโครงการส่งตัวกลับ ที่ค่ายลี้ภัยอุนชีปรัง  เมื่อวันพฤหัสบดี / AFP

ที่จุดส่งผ่านใกล้ชายแดนซึ่งมีรถบัสรอนำพาชาวโรฮีนจาข้ามแม่น้ำกั้นชายแดนเข้าไปส่งในพม่า ไม่มีชาวโรฮีนจามารายงานตัวเลยแม้แต่รายเดียว ส่วนที่แคมป์พิเศษใกล้จุดส่งตัวนั้น รถบัส 5 คันกำลังรอคอยเพื่อจะส่งผู้ที่อาสาสมัครข้ามแดน ขณะที่ชาวโรฮีนจาทั้งชาย, หญิง และเด็ก ประมาณ 1,000 คน ชุมนุมประท้วงต่อต้านการส่งตัวกลับ และร้องตะโกน "เราต้องการความยุติธรรม"

ชายโรฮีนจาอายุ 85 ปี ชื่อทาจุล มุลลุก ซึ่งอยู่ในรายชื่อส่งตัวกลับ กล่าวอ้อนวอนว่า พวกเมียนมาฆ่าลูกชายของเขา 2 คน เขาหนีมาบังกลาเทศพร้อมลูกชายอีก 2 คน โปรดอย่าได้ส่งเขากลับไป พวกนั้นจะฆ่าสมาชิกที่เหลือในครอบครัว ส่วนตัวเขาก็แก่เกินกว่าจะหนีออกจากแคมป์นี้แล้ว

องค์การสหประชาชาติเคยเรียกร้องให้บังกลาเทศระงับโครงการนี้ไว้ก่อน โดยมิเชล บาชเลต์ ข้าหลวงสิทธิมนุษยชน ระบุว่า การบังคับส่งผู้อพยพชาวโรฮีนจากลับเมียนมาเท่ากับโยนพวกเขากลับสู่วงจรของการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ชุมชนโรฮีนจาเผชิญมานานหลายทศวรรษ.