15 พ.ย.61 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 14 พ.ย. นายเสน่ห์ ศุภฤทธิ์ อายุ 58 ปี และ นางสาวพนิดา เทียนขาว อายุ 46 ปี บิดามารดาของน.ส.ศศิธร ศุภฤทธิ์ หรือ น้องนุ่น อายุ 23 ปี นักศึกษาปีที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีนครินทร์ ผู้เสียชีวิตจากการรักษาของแพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พร้อมด้วยนายพะเยา พวงเจริญ อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ต.คลองเปลง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้นำเอกสารหลักฐานเดินทางเข้ามาแจ้งความกับ ร.ต.อ.สมหวัง โพธิ์พันธ์ รอง.สว.สอบสวน.สภ.เมืองชลบุรี ว่า ทางครอบครัวติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาวคือ น้องนุ่น ได้เสียชีวิตขณะรักษาอาการป่วยด้วยโรคหัวใจรั่วที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี
หลังแพทย์จากโรงพยาบาลพระพุทธโสธร อ.เมืองฉะเชิงเทรา ตรวจพบว่า น้องนุ่น ป่วยด้วยโรคผนังหัวใจรั่ว แต่เครื่องมือแพทย์ไม่มี จึงได้ทำใบส่งตัวมารักษาต่อที่ รพ.อีกแห่งหนึ่งตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมานอนเพื่ออดข้าวอดน้ำ เตรียมสอดกล้องเข้าไปรักษาผนังหัวใจรั่ว โดยทางครอบครัวของน้องนุ่น แจ้งความลงบันทึกประจำวันกับตำรวจเมืองชลบุรี ติดใจสาเหตุการตาย ซึ่งเข้ารักษาด้วยการสอดกล้องรักษาซ่อมผนังหัวใจรั่ว กลับกลายต้องรักษาผ่าตัดหัวใจกระทันหัน จนเป็นเหตุทำให้น้องนุ่นเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ครอบครัวน้องนุ่น ระบุว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ตั้งแต่ 09.00 น. แพทย์ผู้รักษาให้น้องนุ่นกลืนกล้องเพื่อส่องรักษาผนังหัวใจรั่วให้ปิด แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบได้เวลา 14.40 น.ต้องกลับมาเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดหัวใจกะทันหัน ต่อมาอีกราว 1 ชั่วโมง พยาบาลก็มาบอกว่า น้องนุ่นเสียชีวิตลง ทำให้ครอบครัวทำใจไม่ได้ ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต อยากให้แพทย์ออกมาชี้แจงให้ชัดเจนเพราะเบื้องต้น หลังน้องนุ่นเสียชีวิตแล้ว แพทย์บอกกับทางครอบครัวเพียงว่า สอดกล้องเข้าไปในทรวงอก แล้วเกิดพลาดไปโดนเส้นเลือดจนทำให้เลือดไหลภายในไม่หยุด เป็นสาเหตุให้ต้องผ่าตัดหัวใจแต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ต้องมาเสียชีวิตดังกล่าว
นางศศิธร ศุภฤทธิ์ อายุ 23 ปี เป็นบุตรสาวคนที่สองของครอบครัว ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ ปีที่ 3 คณะสาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีนครินทร์จังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อมามีอาการป่วยหายใจไม่เต็มปอด เหนื่อยง่าย จึงไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลพระพุทธโสธร ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา แพทย์วินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคหัวใจ ผนังหัวใจรั่ว แต่เครื่องไม่มี จึงได้ส่งตัวน้องนุ่น ให้มารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี แพทย์ก็ได้ทำการทำการตรวจและเอกซเรย์หัวใจพบว่าน้องนุ่นนั้นเป็นโรคผนังหัวใจรั่วจริง
แพทย์ผู้รักษาก็ให้ผู้ป่วยเลือกแนวทางในการรักษาคือ 1.จะสอดกล้องแล้วใช้อุปกรณ์เข้าไปปิดรอยรั่วของผนังหัวใจ 2.การผ่าตัดหัวใจ ซึ่งทางครอบครัวและน้องนุ่นเองก็เลือกการรักษาด้วยการสอดกล้องใช้อุปกรณ์เข้าไปปิดผนังหัวใจ จนวันอังคารที่ 13 พ.ย. น้องนุ่นได้ขับรถยนต์มาเองพร้อมด้วยครอบครัวมายังโรงพยาบาล เพื่อมานอนเตรียมตัวที่จะรักษาอาการป่วยอยู่ที่ห้องสวนหัวใจ
จนวันที่ 14 พ.ย. ช่วงเช้า 9.00 น. ก็เริ่มสอดกล้อง โดยการให้น้องนุ่นกลืนกล้องไป 1 ตัวเพื่อหารอยรั่วของผนังหัวใจ ส่วนกล้องอีกตัวเจาะสอดผ่านทางหน้าขาเพื่อเอาอุปกรณ์เข้าไปปิดผนังหัวใจที่รั่ว ใช้เวลาผ่านไปเกือบ 4 ชั่วโมงในการผ่าตัด จนคนไข้รายอื่นที่รักษาอาการเดียวกับน้องนุ่น นอนเตียงติดกัน ได้ออกมาหมดแล้ว เหลือเพียงแต่น้องนุ่นไม่มีที่ท่าที่ว่าจะออกจากห้องสวนหัวใจแต่อย่างใด
ต่อมาบุคลากรทางการแพทย์ได้เรียกทางครอบครัวให้ไปกรอกแบบฟอร์มของทางโรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ได้บอกกับทางครอบครัวว่า ตอนนี้น้องนุ่นได้สอดกล้องลงไปแล้ว แต่ระหว่างการสอดกล้องอีกตัวเพื่อนำอุปกรณ์เข้าไปปิดผนังหัวใจที่รั่วอยู่นั้นเกิดผิดพลาดทำให้ผนังหัวใจจากเดิมที่รั่วเพียงเล็กน้อยกับกลายเป็นรั่วเป็นวงกว้าง จนทำให้ไม่สามารถปิดผนังหัวใจที่รั่วได้ จึงต้องมีความจำเป็นที่ต้องทำการผ่าตัดหัวใจ จนเวลา 14.40 น.บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาลก็เข็นเตียงน้องนุ่นออกมาจากห้องสวนหัวใจ สภาพมีคนกำลังปั๊มหัวใจ และเข็นรถขึ้นไปยังห้องผ่าตัดหัวใจอีกขั้นหนึ่ง ใช้เวลาประมาณอีก 1 ชั่วโมง
จากนั้นทางบุคลากรของแพทย์ก็เรียกทางญาติบอกพูดคุยแล้วบอกว่าให้ทำใจ เพราะตอนนี้หัวใจน้องนุ่นจะหยุดเต้นแล้ว แต่ตอนนี้ก็กำลังรักษาอยู่ ทางญาติก็เฝ้ารอ จนบุคลากรทางการแพทย์ได้มาแจ้งกับทางญาติอีกครั้ง เวลา 15.36 น. ว่าน้องนุ่นเสียชีวิตลงแล้ว
ทางครอบครัวเกิดความจึงเกิดความแคลงใจว่า ทำไมน้องนุ่นเลือกการรักษาด้วยการสอดกล้องแต่กลับกลายเป็นถึงต้องผ่าตัดหัวใจ ทั้งที่แพทย์ก็บอกว่า การรักษาด้วยการสอดกล้องแค่ 3 วันก็กลับบ้านได้ แต่น้องน้องนุ่นกลับเสียชีวิต ตนก็ยังไม่ได้รับฟังแพทย์ผู้รักษาบอกสาเหตุการเสียชีวิตให้ชัดเจน จึงมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อต้องการคำชี้แจงที่ชัดเจนจากแพทย์ผู้รักษาต่อไปเพื่อดำเนินการต่อไป
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |