เปิดตัวอย่างอลังการไปแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว สำหรับ ”ไอคอนสยาม” อภิมหาโปรเจ็กต์ของเจ้าสัว “ธนินท์ เจียรวนนท์” แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ที่จับมือกับ “สยามพิวรรธน์” ในการเนรมิตพื้นที่ 50 ไร่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีมูลค่าลงทุนกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท เอาเฉพาะแค่งานเปิดตัวก็ใช้งบไปกว่าพันล้าน เราจึงได้เห็น ”ภาพ-เสียง-ข่าว” ในสื่อแทบทุกชนิดกันแบบมืดฟ้ามัวดิน ถึงขั้นเป็นพาดหัวตัวไม้ในหนังสือพิมพ์หลายฉบับกันเลยทีเดียว ...๐ แต่ที่น่าสนใจและตอนนี้เป็นที่วิจารณ์อย่างมากใน “ไอคอนสยาม” โดยเฉพาะในส่วน พื้นที่ศูนย์การค้าหรู 5.25 แสน ตร.ม.นั้น กลับไม่มี “ร้านหนังสือ” แม้แต่ร้านเดียว ซึ่งสะท้อนอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งที่การอ่านเป็นรากฐานสำคัญ แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแล ซึ่งเข้าใจว่า “ไอคอนสยาม” ย่อมคิดในแง่ธุรกิจ-กำไรเป็นด้านหลัก แต่ควรคิดเรื่อง การตอบแทนคืนสังคมบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายมิใช่เหรอ ซ้ำยังจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ด้วยซ้ำไป ...๐ ยิ่งเมื่อเห็นเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ที่โพสต์กรณี อ.น้อง หรือ รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยาลุงตู่ที่ไปเยี่ยมชมการสอนโรงเรียนที่สิงคโปร์ โดยระบุว่า “ที่นี่ให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาบุคลากรครูทั้งในเรื่องวิชาการและกิจกรรมนอกเวลาของนักเรียน ซึ่งก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลไทย อ.น้องเห็นว่าหลายอย่างสามารถนำมาปรับใช้ได้ในประเทศไทย ครับ” ก็ทำให้น่าคิดว่า รัฐบาลอาจต้องขอความร่วมมือหรือการออกกฎที่กำหนดให้ชัดเจนว่าบรรดาห้างร้านใหญ่ๆ หรือ ศูนย์การค้าทั้งหลาย ควรมีมุมที่เกี่ยวกับหนังสือหรือร้านค้าหนังสือบ้างก็จะดีไม่น้อย เพื่อจะได้สร้างวัฒนธรรมการอ่าน และไม่เป็นที่อับอายว่าคนไทยอ่านหนังสือเพียงปีละ 7-8 บรรทัด ...๐ ช่วงนี้ต้องเรียกว่าหน้าข้าวหน้าเหล้าสำหรับการเลือกตั้ง เราจึงเห็น การโยกย้าย การเปลี่ยนค่ายสังกัดกันแทบทุกวัน โดยเฉพาะยิ่งใกล้เส้นตาย 26 พ.ย. ที่ต้องมีพรรคให้อิงแอบหากจะเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.2562 ก็ยิ่งคึกคักและครึกครื้นกันอย่างยิ่ง ...๐ โดยเฉพาะส่วนของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่วันนี้เป็นของบรรดาลูกท่านหลานเธอของนักการเมืองระบอบทักษิณทั้งหลาย ซึ่งล่าสุดบรรดา “รุ่นเก๋า” และกลางเก่ากลางใหม่ก็เริ่มแห่มาซบกันเป็นทิวแถว ทั้ง “พิชัย นริพทะพันธุ์” “เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” และ “ขัตติยา สวัสดิผล” เป็นต้น และเชื่อว่าก็จะมีมาอีก. ..๐ น่าสนใจอย่างยิ่งเพราะ “ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช” หัวหน้าพรรค ทษช. ยังมีสถานะเป็น “ลูก” ของสมาชิกพรรคใหม่หมาดๆ ด้วย ซึ่ง “คนไม่มีผม” ก็ระบุถึงการย้ายค่ายย้ายสังกัดว่า “อยากให้โอกาสคนรุ่นใหม่” คำถามที่ตามมาในอนาคตอันไม่ไกล คือ หาก พรรคไม่เสนอชื่อบรรดา “คนแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน” เป็นทั้งผู้ชิงนายกฯ หรือปาร์ตี้ลิสต์ระดับต้นๆ จะออกอาการหรือไม่ อย่างไรจ๊ะ ก็ในเมื่อบอกอยากให้โอกาสคนรุ่นใหม่ ก็ควรประกาศเป็นสัญญาประชาคมไปเลยว่า หากได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลจริงจะไม่รับตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีใดๆ ให้คนรุ่นใหม่ทั้งหลายเป็นกันไป กล้าหรือไม่จ๊ะ ...๐ ยุทธศาสตร์แตกแบงก์พันไม่ได้คึกคักแค่ “ทษช.” ที่พรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) ที่ “จตุพร พรหมพันธุ์” หมายมั่นปั้นมือก็ใช่ย่อย เมื่อเปิดตัว “ลลิตา ฤกษ์สำราญ” อดีตรองประธานสภาฯ และอดีต ส.ส.กทม. 9 สมัย “ธฤทธิ์ ดอกไธสง” บุตรชาย “บุญทัน ดอกไธสง” อดีตรองประธานวุฒิสภาก็มาด้วย ...๐ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเป็นต้นตอข่าวพลังดูดเองก็ไม่แพ้กัน เมื่ออดีต ส.ส.ในยุคเก่าทั้ง “วิรัช รัตนเศรษฐ” “สุภรณ์ อัตถาวงศ์” และ “สุพล ฟองงาม” ก็พร้อมใจมาสมัครสมาชิก พร้อมระบุอีกว่าไม่นาน “บุญจง วงศ์ไตรรัตน์” และ “จำลอง ครุฑขุนทด” ก็จะมาด้วย แหม! เห็นชื่อเห็นรูปแล้วก็น่าทำให้คิดถึงอนาคตของ พปชร.น่าจะดูไม่จืดจริงๆ ...๐ ที่น่าจับตามากที่สุดคือ “พรรคภูมิใจไทย” ของเสี่ยหนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่แม้การย้ายค่ายย้ายสังกัดจะไม่เป็นกระแสข่าวมากนัก แต่ไปๆ มาๆ พรรค “ภูมิใจหนู” นี่แหละที่จะเป็นผู้ชี้เป็นชี้ตายว่าใครจะเป็นรัฐบาล และ ที่สำคัญบรรดานักการเมืองที่หันมาซบพรรคนี้ก็เป็นเกรดระดับบีบวกถึงเอทั้งนั้น แม้เป็นพวกอกหักและทับซ้อนพื้นที่จากพรรคอื่นก็ตาม แต่ก็ทำให้ “ภูมิใจไทย” เผลอ อาจเป็นพรรคอันดับหนึ่งในสามของพรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด หรืออาจถึงขั้นเป็น “ตาอยู่” โดยเฉพาะ “เสี่ยหนู” ที่อาจได้นั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 ก็ได้ใครจะรู้ ...๐
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |