อืมม์ม์ม์...ไปๆ-มาๆ ไอ้ยุทธวิธี แตกแบงก์พันไปเป็นแบงก์ร้อย มันชักเป็นอะไรที่ไม่ได้กล้วยๆ ง่ายๆ ลื่นๆไหลๆ กันซักเท่าไหร่นัก เผลอๆ อาจแตกกระจัดกระจาย ไปเป็นเหรียญห้า เหรียญสิบ นับนิ้วมือ นิ้วตีน คาดคำนวณกันชนิดไม่หวัด-ไม่ไหว เรียกว่าขนาดถึงขั้นมีข่าวว่า นายใหญ่ และ น้องสาว ต้องลงมาดีดลูกคิด จิ้มเครื่องคิดเลขด้วยตัวเองอยู่ที่สิงคโปร์ อันนี้...ต้องถือว่าชักจะยุ่งตายห่ะ ปวดหัวตายโหง ขึ้นมามั่งแล้ว...
-------------------------------------------
คือโอกาสที่จะ แตกแล้ว-แตกเลย ไม่ได้กลับมารวมกันเป็น แบงก์พัน เหมือนเดิม หรืออาจต้องลดค่า สูญค่า ลงไปเป็นร้อยๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาซะเลย ไม่ว่าเพราะการบริหาร จัดการ กันในแต่ละพรรค แต่ละเผา หรือเพราะผู้คนภายนอกที่มีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนน ที่เกิดการแตกกระจาย แตกรสนิยม ไปตามมี-ตามเกิด ไม่ได้มีอะไรเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ให้เห็นไปแนวเดียวกัน เป็นเอกภาพซึ่งกันและกันไปด้วยกันทั้งหมด ยิ่งแต่ละพรรค แต่ละเผา พยายามนำเสนอ จุดขาย ไปตาม กลยุทธ์ทางการตลาด ของตัวเอง บรรดา กลุ่มเป้าหมายผู้บริโภค ทั้งหลาย เลยมีอันต้องปั่นป่วน สับสน วุ่นวาย ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้...
-----------------------------------------------
เอาง่ายๆ...แค่เจอเข้ากับ น้องจินนี่ ลูกสาวของประธานยุทธศาสตร์ชาติ แห่งเผาไทย อย่างคุณ เจ๊สุดาหน่อย เดินหาเสียงตามหลังมารดาบังเกิดเกล้าแบบต้อยๆ บรรดากลุ่มเป้าหมายผู้บริโภค ประเภท สายหื่น ทั้งหลาย ต่างหันไปเทคะแนนให้กับ พรรคเพื่อเธอ ชนิดส่งผลให้ เจ๊สุดาหน่อย ผงาดขึ้นเป็น แม่ยายแห่งชาติ แทนตำแหน่ง ประธานยุทธศาสตร์ชาติ อย่างที่คุณน้อง ณัฐวอด สภาโจ๊ก ท่านว่าเอาไว้จริงๆ นั่นแหละ โดยไม่ได้คิดจะหันมาให้ความสนใจใดๆ ต่อบรรดา คนรุ่นใหม่ อันถือเป็น จุดขาย หรือเป็น กลยุทธ์การตลาด ของพรรคแบงก์ร้อย หรือ พรรคไทยรักษาชาติ กันอีกต่อไปแล้ว...
----------------------------------------------------
อะไรต่อมิอะไร...มันเลยเกิดอาการ ตีกันเอง ตั้งแต่เริ่มแรก หรือทำให้บรรดาพลพรรคเผาๆ ทั้งหลาย ต้องหันมานั่งคิดคำนวณกันเอาเอง ว่าใครจะอยู่สายไหน ใครจะเผาแบบไหน จนอาจออกอาการ เละตุ้มเป๊ะ ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มต้นออกสตาร์ท อันนี้นี่แหละ...ที่ว่ากันว่า อาจเป็นเหตุให้ นายใหญ่ และ น้องสาว เลยต้องลงมา ครอบงำ อะไรต่อมิอะไรด้วยตัวเอง แม้ว่าจะเสี่ยงแสนเสี่ยงกับการถูกยุบ-ไม่ถูกยุบ ก็ตามแต่ หรือสรุปแล้ว...มันออกจะไม่ง่ายๆ ไม่ได้ลื่นๆ ไหลๆ กันซักเท่าไหร่นัก...
------------------------------------------------------
แต่ก็ไม่ใช่แต่เฉพาะก๊กเผาไทย หรือ ก๊กไม่เอาบิ๊กตู่ เท่านั้น...กระทั่ง ก๊กเอาบิ๊กตู่ เองก็เถอะ การที่ยังไม่มีโอกาสรู้อยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ ว่าอะไรคือแบงก์พัน แบงก์ร้อย แบงก์สิบ หรือเศษสตางค์ ก็น่าจะมีผลอยู่ไม่น้อยต่อการออกสตาร์ท ไปจนถึงการเข้าสู่เส้นชัยโน่นเลย คือถ้าหากท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านวางเท้า วางน้ำหนักเอาไว้ที่พรรคไหน พรรคนั้นย่อมต้องกลายเป็น แบงก์พัน อยู่แล้วแน่ๆ โดยที่พรรคอื่นๆ ต้องยอมรับการเป็นแค่แบงก์ร้อย แบงก์สิบ เศษเหรียญ เศษสตางค์ ไปตามสภาพ และสิ่งเหล่านี้ ย่อมต้องส่งผลต่อ จุดขาย หรือต่อ แผนการตลาด ของแต่ละพรรคอย่างมิอาจปฏิเสธได้...
------------------------------------------------------
แม้สุดท้าย...จะรวบรวมพรรคเล็ก พรรคน้อย รวมแบงก์สิบ แบงก์ร้อย แบงก์พัน ให้กลายมาเป็นเสียงสนับสนุนได้เกินไปกว่า 376 เสียงในสภาฯ ก็เถอะ แต่การที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องกลายเป็น เบี้ยหัวแตก มาตั้งแต่ต้น คงต้องยอมรับว่า...ไม่น่าจะง่ายสำหรับการบริหาร จัดการ แต่ละสิ่งแต่ละอย่างในรัฐสภา ไปจนถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ยิ่งถ้าหากการวางเท้า วางน้ำหนักเน้นไปที่พรรคการเมืองประเภทใหม่ถอดด้าม อย่าง พรรคพลังประชารัฐ ที่รัฐมนตรีร่วมคณะรัฐบาล รอจังหวะถ่ายน้ำหนักกันอยู่ในขณะนี้ จนกลายเป็นพรรคแบงก์พันขึ้นมาจริงๆ ยิ่งมีสิทธิ์ยุ่งตายห่ะ ปวดหัวตายโหง หนักขึ้นไปใหญ่ เพราะต้องยอมรับว่าแต่ละราย แต่ละก้อน ที่ไหลมารวมกันในพรรคพรรคนี้ ล้วนออกไปทางเขี้ยวลากดิน เกล็ดแตกลายงา มีปีก มีหาง ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
--------------------------------------------------------
ไม่เพียงแต่โอกาสสั่งหันขวา-หันซ้าย....จะยากลำบากชนิดแสนสาหัส แต่จะทำให้พรรคแบงก์ร้อย แบงก์สิบ เศษเหรียญ เศษสตางค์ ที่พร้อมใจรวมกันเป็น ก๊กเอาบิ๊กตู่ ทั้งหลาย เกิดอาการแปลกแยก หรืออาจถึงขั้นต้องแตกกระจัดกระจายในบั้นปลาย หรือในตอนที่จะเข้าสู่เส้นชัยได้เสมอๆ ด้วยเหตุเพราะความแตกต่างของที่มา-ที่ไป นับตั้งแต่เบื้องต้น-เบื้องกลาง-ไปจนถึงเบื้องปลาย นั่นเอง อันเป็นความแตกต่างที่หนักซะยิ่งกว่าความแตกต่างประเภท บูรพาพยัคฆ์ กับ วงศ์เทวัญ ประมาณสิบเท่า ร้อยเท่า หรือแม้แต่ล้านเท่า...
--------------------------------------------------------
สรุปรวมความแล้ว...งานนี้ ถ้าไม่รู้จะโทษใคร คงต้องหันไปโยนบาปให้ อาจารย์ มีชัย ท่านนั่นแหละ ที่ได้ออกแบบ ดีไซน์ รัฐธรรมนูญฉบับจัดสรรปันส่วนผสม เอาไว้แบบน่าปวดเศียร เวียนเกล้า เอามากๆ แต่ก็นั่นแหละ...บาปที่ว่านี้ ก็อาจไม่ได้เกิดจากการคิดร้าย คิดเสียๆ หายๆ กับส่วนรวมหรือประเทศชาติมากมายซักเท่าไหร่นัก เผลอๆ...อาจออกไปทาง บาปบริสุทธิ์ อีกต่างหาก คือเกิดจากความบริสุทธิ์ใจ หวังจะให้สิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ต้องมีอะไรคอยควบคุม กำกับ เอาไว้มั่ง ส่วนอะไรที่จะเป็นตัวควบคุม กำกับ หลังเลือกตั้งครั้งใหม่ ไม่ว่าเดือนไหน ปีไหน ผ่านพ้นไปแล้ว...อีกไม่นาน ก็คงรู้เอง นั่นแล...
-------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Bonnie Prudden... You can’t turn back the clock. But you can wind it up again. – ท่านจะหมุนเข็มนาฬิกาให้เดินกลับไม่ได้ แต่ท่านสามารถไขลาน ให้มันเดินใหม่ได้...
------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |