"มาร์ค" นำทีมอดีต ส.ส.ใต้บี้รัฐบาลเร่งแก้ราคายาง-ปาล์มตกต่ำ ชง 3 มาตรการถึง "บิ๊กตู่"  พท.โวยแทนผู้ค้าประตูน้ำยอดขายวูบ 80% แย่สุดในรอบ 5 ปี หาบเร่แผงลอยบุก มท. ขีดเส้น 7 วันคืนพื้นที่ขายของ
    ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ และทีมอดีต ส.ส.ใต้ แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคายางพาราและปาล์มตกต่ำ โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคมีข้อเรียกร้องและจะยื่นหนังสือต่อรัฐบาลเพื่อให้แก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนที่สุดใน 3 ข้อ คือ 1.การใช้ยางพาราในประเทศโดยเฉพาะในภาครัฐ ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเปิดเผยว่าจากที่เคยประกาศจะใช้ยางพาราแสนตันนั้น ใช้ไปแล้วกี่ตัน เหตุใดหน่วยงานราชการจึงไม่ใช้จริง ติดขัดที่ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ขั้นตอนการประมูลหรืออะไรก็ต้องแก้ปัญหาโดยทันที
    2.สภาพราคายางพารามีความจำเป็นที่ชาวสวนยางต้องมีรายได้เสริม เช่น การปลูกพืชอื่นในสวนยาง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสนับสนุนการปลูกพืชเสริมและประสานงานในเรื่องตลาด ไม่ให้พืชที่ปลูกเสริมแล้วมีปัญหาเรื่องราคาซ้ำอีก จึงต้องมีแผนการตลาดรองรับให้มั่นใจว่าปลูกแล้วมีกำไร และ 3.การใช้ยางพาราโดยภาคเอกชนยังมีศักยภาพนำยางพาราไปแปรรูปในชุมชน เช่น ผลิตหมอนยางพารา  รองเท้า แต่ปัญหาอยู่ที่การจัดตั้งโรงงานระดับชุมชนมีปัญหาเรื่องผังเมือง หากเร่งรัดอนุญาตจะทำให้ยางพาราแปรรูปได้ต่อไป ทั้งนี้หากข้อเสนอดังกล่าวยังไม่พอ รัฐบาลควรนำหลักคิดเรื่องประกันรายได้เกษตรกรมาปรับใช้กับชาวสวนยางพาราด้วย 
    หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงปัญหาราคาปาล์มตกต่ำด้วยว่า ปัญหาหลักคือสต๊อกที่ล้นอยู่  ถ้าสามารถขจัดได้ 3 แสนตันมั่นใจว่าราคาปาล์มจะขยับทันที จึงเสนอให้นำปาล์มไปใช้ผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่ โดยใช้งบประมาณจำนวน 3 พันล้านบาท 
    "เรื่องเร่งด่วนเหล่านี้เป็นปัญหาที่ตอกย้ำสภาพของเศรษฐกิจที่โตยาก เนื่องจากคนส่วนใหญ่ขาดรายได้ ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำที่พรรคให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ดังนั้นนโยบายพรรคจะเปลี่ยนวิธีคิดบริหารที่หลงกับตัวเลขภาพรวมจีดีพี มาใส่ใจรายได้จริงของประชาชน ดังนั้นรัฐบาลต้องทำงานเชิงรุกถึงลูกถึงคนเพื่อช่วยประชาชนทันที" นายอภิสิทธิ์ระบุ
    ด้าน น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล คณะทำงานด้านปาล์มน้ำมันของพรรค กล่าวว่า ทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ ขอให้รัฐบาลกำจัดปาล์มที่ล้นสต๊อกออกจากระบบจำนวน 3 แสนตันภายใน 6 เดือน ด้วยการนำไปใช้ในโรงไฟฟ้ากระบี่ ซึ่งจะทำให้ราคาปาล์มขยับจาก 2.80 บาท ไปเป็น 4 บาท รวมทั้งขอเรียกร้องไปยัง รมว.พาณิชย์ ให้ดูแลราคาน้ำมันปาล์มขวดที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 16-17 บาท แต่กลับขายราคาขวดละ 42 บาท อย่างไรก็ตามขณะนี้ภาคใต้เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ชาวใต้เองไม่ต้องการทำม็อบเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือในด้านราคาเกษตร หากรัฐบาลไม่รีบดำเนินการอาจส่งผลกระทบทั้งในภาคการเกษตรและภาคการท่องเที่ยวด้วย
    จากนั้นเวลา 12.00 น. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่ง ก.พ.) อดีต ส.ส.ภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายสุกิจ อัถโถปกรณ์ อดีต ส.ส.ตรัง เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเสนอมาตรการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ผ่านนายพันธ์ศักดิ์ เจริญ ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
    ที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม ตอนกระบี่-เหนือคลอง ตรงข้ามโรงเรียนบ้านไสโป๊ะ ม.3 ต.เหนือคลอง  อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ นำโดยนายชโยดม สุวรรณวัฒนะ  ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย ได้ตัดปาล์มน้ำมันบรรทุกใส่รถมากองรวมกัน ประมาณ 5 ตัน เพื่อเผาประท้วงราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ โดยก่อนเผาได้มีการเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งให้ รมว.พลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานอย่าได้อยู่เป็นสุข 
    วันเดียวกัน นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ตามคณะของแกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ประตูน้ำเพื่อรับสมัครสมาชิกและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของแม่ค้าพ่อค้า ผู้ประกอบการค้าขายในห้างแพลทินัม ที่บอกเล่าให้ฟังถึงสถานการณ์การค้าขายในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ว่ายอดขายตกลงเรื่อยๆ  และมาแย่ที่สุดในปีนี้ เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่ก็ยังไม่แย่เท่าปีนี้เลย โดยเฉลี่ยยอดขายหายไปกว่า 80% มีเลิกกิจการไปจำนวนมาก ที่ยังเหลืออยู่ก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว 
    นอกจากนี้ หาบเร่แผงลอยในย่านประตูน้ำที่เคยได้รับคำชื่นชมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่จูงใจให้อยากมาเที่ยว แต่ถูก กทม.จัดระเบียบห้ามมีหาบเร่แผงลอย ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนยากจนอย่างมาก เพราะไม่มีที่ทำมาหากินแล้ว ทั้งนี้ทีมเศรษฐกิจ ทีมกฎหมาย ทีมสังคมแรงงานของพรรคได้รับประเด็นสำคัญมาประกอบการกำหนดนโยบาย เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ดังกล่าวนี้ให้ตรงจุด ช่วยชุบชีวิตผู้ประกอบการค้าขายให้ฟื้นตัวโดยเร็ว เหมือนที่พ่อค้าคนหนึ่งได้ฝากมาว่า ขอให้พรรคเพื่อไทยช่วยให้คนไทยรวยกระจายจนกระเจิงด้วย
    ที่บริเวณหน้ากระทรวงมหาดไทย เวลา 13.00 น. กลุ่มเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกว่า 100 คน นำโดยนายเรวัตร ชอบธรรม ประธานเครือข่ายฯ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพื่อทวงถามความคืบหน้า และขอให้เร่งดำเนินการบรรเทาผลกระทบจากการจัดระเบียบแผงลอยทั่วกรุงเทพฯ โดยมีนายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ช่วยราชการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับเรื่อง    
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ค้าได้นั่งรวมกลุ่มอยู่บริเวณด้านหน้ากระทรวงมหาดไทย พร้อมชูป้ายและตะโกนเรียกร้องให้มีการช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเป็นไปอย่างสงบไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น  โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.สำราญราษฎร์ และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำกระทรวงมหาดไทย มารักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก
    นายเรวัตรกล่าวว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้มีคำสั่งที่ 222/2561 ลงวันที่ 10 ก.ย.61 แต่งตั้งคณะกรรมการบรรเทาผลกระทบจากการจัดระเบียบสังคม ที่มี รมว.มหาดไทยเป็นประธาน เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบแก่ผู้ค้าและประชาชนอันเนื่องมาจากการจัดระเบียบสังคม ขณะนี้ผ่านมา 2  เดือนแล้วก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยออกหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่ออนุญาตให้ผู้ค้าที่ถูกยกเลิกในจุดผ่อนผันบริเวณถนนสายหลักและสายรองสามารถกลับมาขายได้เหมือนเดิม และขอให้เร่งดำเนินการจัดประชุมคณะกรรมการตามที่นายกฯ แต่งตั้งให้เร็วที่สุด  เพราะขณะนี้กลุ่มผู้ค้าได้รับความเดือดร้อนเป็นหนี้เป็นสินจำนวนมาก โดยให้เวลา 7 วันในการดำเนินการ 
    อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยได้อนุญาตให้เครือข่ายฯ ส่งตัวแทนไม่เกิน 15 คนเข้าไปหารือร่วมกับคณะทำงานแก้ไขปัญหาของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ลงตัวต่อไป.