ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มี “คนกันเอง” ในเครือข่ายรัฐบาลได้รับผลกระทบเยอะ จากประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พ.ศ.2561 ฉบับล่าสุด
มันจึง “เป็นเรื่อง”!!!
โดยเฉพาะบุคลากรในแวดวงการศึกษา ที่มีตำแหน่งแห่งหน ไม่ว่าจะในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัย หรือกรรมการสภามหาวิทยาลัย
การประกาศไขก๊อกแบบ “อุปาทานหมู่” เพื่อเป็นการประท้วงที่จะต้องยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินครั้งนี้ จึงมี “เสียงดัง” ถึงขนาดคนระดับรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ หรือ นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ ยังต้องออกโรงเป็นกระบอกเสียงให้
ยิ่งประกาศ ป.ป.ช. คลุมไปถึงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยมกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) หรือ “มหาวิทยาลัยสงฆ์” ของ “สมเด็จพระสังฆราช” ยิ่งทำให้เรื่องส่อเค้าบานปลาย
จุดมุ่งหมายในการทักท้วงมีเพียงสิ่งเดียวคือ ต้องการให้ “ป.ป.ช.” ยอมถอย ไปแก้ไขให้นายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเหมือนเดิม
ภายใน “ป.ป.ช.” เองก็วุ่น ส่วนหนึ่งเพราะ “เถรตรง” กับหลักการของนิยามคำว่า 1.ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง และ 3.เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ได้มองรายละเอียดปลีกย่อย อย่าง “สมเด็จพระสังฆราช” ที่นั่งเป็นนายกสภา มมร.อีกตำแหน่ง
เดือดร้อนต้องส่งคนมาปรึกษาหารือกับ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ตัวแทนรัฐบาล เพื่อหาทางออก ดีกว่าจะตัดสินใจโดยพลการ
สถานการณ์ตอนนี้ “ป.ป.ช.” ยอมถอยให้ แต่เป็นการถอยแบบ
“มีเชิง”!!!
ไม่ใช่เพราะนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยหลายแห่งเอาตำแหน่งมาเป็น “เดิมพัน” แต่เพราะส่วนหนึ่งมีความผิดพลาดเกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะบรรดาเก้าอี้ที่ “ละเอียดอ่อน” จะต้องปรับต้องแก้กันหลายจุด
เบื้องต้นที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. วันอังคารนี้ จึงเลือกใช้วิธีหยุดการมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ธ.ค. ไปเป็นปลายเดือน ม.ค.62 หรือ 60 วัน
ช่วงระยะเวลา 60 วันนี้ที่ขยาย ป.ป.ช.จะเอาไปปรับปรุงแก้ไขบางตำแหน่งที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นนายกสภา มมร.ของ “สมเด็จพระสังฆราช” และบางตำแหน่งในองค์การมหาชน
อีกส่วนหนึ่งเป็นการยื่นเวลาให้นายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ที่ประกาศจะลาออกได้ทบทวนอีกครั้งว่า ยังยืนยันคำเดิมหรือไม่
เมื่อมีเวลาให้เตรียมตัวเตรียมใจให้มากขึ้น ถ้าย้ำจุดยืนเดิม ในห้วง 60 วันนี้ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะได้มีเวลาตระเตรียม “คนใหม่” เพราะถึงตรงนี้ “ป.ป.ช.” ภายใต้การนำของ “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้เป็นประธาน ส่งสัญญาณชัดว่า
“ไม่ถอย”!!!
ตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยตรงตาม “หลักการ” และ “นิยาม” ของคำว่าให้คุณให้โทษ หนำซ้ำที่ผ่านมา คดีความเรื่องทุจริตของสถาบันศึกษาจำนวนมากในมือ “ป.ป.ช.” ยังเป็นเครื่องอ้างอิง
อีกหนึ่งสิ่งวันนี้เสียงเชียร์ “ป.ป.ช.” เรื่องนี้ไม่ได้น้อยกว่าบรรดานายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่จะประกาศจะไขก๊อก
ที่สำคัญ แรงสนับสนุน “ป.ป.ช.” ยังกระทบชิ่งไปถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผู้ชี้ขาดตัวจริง ไม่ให้ทิ้งจุดยืนเรื่อง “ความโปร่งใส”
การยื้อเวลาบังคับใช้ แม้จะรั้งเอาไว้ได้ไม่หมด แต่อย่างน้อยช่วยลดอาการ “เลือดไหล” ในสถาบันศึกษา ให้บางส่วนเปลี่ยนใจอยู่ต่อ เมื่อสิ่งที่กลัวถูกลดความกังวล
ประเด็นนี้จบไม่ยาก เมื่อคนหมู่มากในหลายพันตำแหน่งไม่ได้ออกมาร้องแรกแหกกระเชอ ทั้งที่หลายตำแหน่งกุมผลประโยชน์มหาศาล
บุคลากรทางการศึกษามีแต่ “เข้าเนื้อ” เพราะ 2 ครั้งที่ “ป.ป.ช.” กำหนดตำแหน่งที่ต้องยื่นทรัพย์สินเพิ่ม มีแต่แวดวง “แม่พิมพ์” ออกมาโวยวาย จากครั้งก่อนเป็นอธิการบดีและรองอธิการบดี มาครั้งนี้มาเป็นนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัย
“ขุมทรัพย์” ที่ลือกันว่ามหาศาล เพราะงบประมาณในแต่ละปีที่ได้รับจัดสรรเป็นอันดับต้นๆ แต่ที่ผ่านมาคนไม่สนใจ เพราะเชื่อในหน่วยงาน “ผลิตคน”
จากนี้โดนจับตากันหนักกว่าเดิม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |