12 พ.ย.61-นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากคณะของแกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายกิติรัตน์ ณ ระนอง นายโภคิน พลกุล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายวัฒนา เมืองสุข น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ลงพื้นที่ประตูน้ำ เพื่อรับสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย และรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของแม่ค้าพ่อค้า ผู้ประกอบการค้าขายในห้างแพล็ตตินั่ม ได้บอกเล่าให้ฟังถึงสถานการณ์การค้าขายในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาว่ายอดขายตกลงเรื่อยๆ และมาแย่ที่สุดในปีนี้ 

นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า พ่อค้าแม่ค้าบอกเมื่อเทียบกับปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่ก็ยังไม่แย่เท่าปีนี้เลย โดยเฉลี่ยยอดขายหายไปกว่า 80 % มีเลิกกิจการไปจำนวนมาก ที่ยังเหลืออยู่ก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว สินค้าค้างสต๊อกระบายไม่ออกจำนวนมาก ไปขอกู้เงินธนาคารมาประคองกิจการก็ไม่ได้รับอนุมัติ ส่วนคนที่กู้มาแล้วก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้จนถูกขึ้นบัญชีเครดิตบูโรไปหลายราย จนต้องหันไปกู้หนี้นอกระบบที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงมาก

นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า ลูกค้าประจำของร้านค้าในย่านประตูน้ำ คือชาวต่างชาติ ซึ่งเข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยวแต่ละรายก็จะซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าไปฝากญาติพี่น้องเป็นจำนวนมาก แต่นักท่องเที่ยวเหล่านั้นไม่ได้มาหลายปีแล้วนับตั้งแต่รัฐประหาร เนื่องจากบริษัทประกันภัยไม่รับทำประกันเนื่องจากไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินในประเทศที่ไม่ได้ปกครอง โดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยได้ และยังได้รับคำบอกเล่าอีกว่า ผู้ค้ารายย่อยที่เคยมาซื้อสินค้าไปขายในต่างจังหวัดก็เงียบหายไปเพราะซื้อไปแล้วก็ขายไม่ออก และลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปขายทางออนไลน์ก็ขายไม่ได้สินค้าจึงค้างสต๊อกเช่นกัน

 "เรื่องที่น่าเป็นห่วงมากจากการรับฟังปัญหาครั้งนี้ก็คือ การแพร่ระบาดของยาเสพติดรุนแรงมาก คงเป็นผลสืบเนื่องจากความขัดสนทางรายได้ จึงหันไปค้ายาเสพติดแม้จะรู้ว่าผิดกฎหมายก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอด จึงหายสงสัยว่าทำไมการจับกุมการลักลอบขนยาเสพติดระยะหลังมานี้ยึดของกลางได้ครั้งละหลายล้านเม็ด แต่ไม่เคยได้ยินว่ารัฐบาลนี้ประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติและดำเนินการป้องกันปราบปรามอย่างจริงจัง"

นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า ได้สังเกตและสอบถามความเปลี่ยนแปลงที่ กทม.ห้ามหาบเร่แผงลอยในย่านประตูน้ำ ที่เคยได้รับคำชื่นชมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ที่จูงใจให้อยากมาเที่ยว ก็ได้รับคำบอกเล่าว่า การห้ามมีหาบเร่แผงลอยนั้นได้สร้างความเดือดร้อนให้คนยากจนซึ่งแม่ค้าพ่อค้าเหล่านั้นส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัดซึ่งมาจากภาคอีสานจำนวนมาก เพราะไม่มีที่ทำมาหากินแล้ว แม้ว่า กทม.ได้จัดทำเลค้าขายให้ใหม่ ก็ไม่มีคนซื้อ รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าย่านคลองถม สะพานเหล็กแหล่งรวมสินค้ามือสองที่ย้ายไปอยู่สายใต้ใหม่ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวต้องยกเลิกไป จากการรับฟังปัญหาปากท้องของชาวประตูน้ำซึ่งมีทีมเศรษฐกิจ ทีมกฎหมาย ทีมสังคมแรงงานของพรรค ได้รับประเด็นสำคัญมาประกอบการกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆดังกล่าวนี้ให้ตรงจุดให้เกิดผลดีเป็นอย่างรูปธรรม ช่วยชุบชีวิตผู้ประกอบการค้าขายให้ฟื้นตัวโดยเร็ว เหมือนกับประโยคสุดท้ายที่พ่อค้าคนหนึ่งได้ฝากพรรคเพื่อไทยก่อนแยกย้ายกันกลับว่า ขอให้พรรคเพื่อไทยช่วยให้คนไทย รวยกระจายจนกระเจิง ด้วย