"ดีเอสไอ" จับผู้ต้องหาค้ามนุษย์อาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท เพิ่ม 1 ราย เร่งสอบเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมประสาน "ปปง." ลุยยึดทรัพย์อีก "ไพสิฐ" รับยังไม่มีหลักฐานโยงอดีต ผบ.ตร.ร่วมเอี่ยว "อควาฯ" ยื่นฟ้อง "ชูวิทย์-บิ๊กช่อง 3" หมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 333 ล้านบาท
เมื่อวันพุธ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประชุมร่วมกับอัยการฝ่ายคดีค้ามนุษย์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์และค้าประเวณีสถานอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า เป็นการประชุมเพื่อตรวจสำนวนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน
ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ หากมีประเด็นที่ต้องสอบปากคำเพิ่มเติม ก็ต้องดำเนินการให้สมบูรณ์ รวมทั้งได้ตรวจสอบเครือข่ายของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่อาจจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการรับสินบน ได้มอบให้ ป.ป.ท.รับไปดำเนินการ และขอให้ ปปง.เข้าร่วมตรวจสอบเส้นทางการเงิน ส่วนหลักฐานในที่เกิดเหตุพร้อมกล้องวงจรปิดยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเชื่อมโยงกับบัญชีรายชื่อที่พบ
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า ขณะนี้ได้จับกุมนายเฉลียว จันทร์พิมพ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับได้อีก 1 ราย ซึ่งได้ร่วมกับนายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือป๋ากบ บังคับเด็กหญิงอายุ 12 ปีค้าประเวณี โดยเหลือผู้ต้องหาตามหมายจับของดีเอสไอ 5 หมาย ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน 13 หมาย เป็นผู้ต้องหาชุดเดียวกับดีเอสไอ 6 หมาย จึงเหลืออีก 7 หมาย ซึ่งผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 ส่วน ดีเอสไอและ สตช.อยู่ระหว่างการจัดชุดติดตามตัวผู้ต้องหา
"ส่วนนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ และภรรยา ข้อมูลการเดินทางนอกประเทศในช่องทางตามปกติยังไม่พบ แต่ส่วนที่มีข้อมูลระบุหลบหนีไปตามช่องทางธรรมชาติ ก็อาจมีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอยืนยันจะดำเนินคดีตามหลักฐานที่ปรากฏ หากหลักฐานไปถึงใครก็จะดำเนินการทั้งหมด โดยเฉพาะการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งนอกจากรายชื่อที่ปรากฏในบัญชีแล้ว ยังต้องอาศัยหลักฐานอื่นเพื่อยืนยันตัวบุคคลให้ชัดเจน และต้องดูหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ข้อมูลการติดต่อสื่อสารอื่นประกอบด้วย" พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว
ถามว่า มีกระแสข่าวดีเอสไอเตรียมขออนุมัติหมายจับอดีต ผบ.ตร.ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับวิคตอเรีย ซีเครท อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ข้อมูลในขณะนี้ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น แต่ยืนยันว่าดีเอสไอจะดำเนินคดีตามพยานหลักฐาน โดยคดีค้ามนุษย์เป็นมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งต้องดำเนินคดีคู่ขนานกันไป
"ในส่วนของข้อมูลทางการเงินที่เข้าไปแตะกับตลาดหลักทรัพย์นั้น ดีเอสไอเตรียมเชิญเลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาเป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ เพื่อร่วมวิเคราะห์ข้อมูลว่า หลักฐานทางการเงินที่ดีเอสไอตรวจพบมีเส้นทางเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างไรบ้าง รวมทั้งในระหว่างนี้ได้มีการยึดอายัดเพิ่มเติม จากเดิมที่อายัดได้ 300 ล้านบาท แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน เลี่ยงการถูกตรวจสอบ" อธิบดีดีเอสไอกล่าว
ขณะที่ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองการสั่งปิดสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการที่มีการกระทำผิดตามคำสั่ง คสช. ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปใช้บริการ มียาเสพติด และจำหน่ายสุราให้เด็กเยาวชน โดยกระทำความผิดซ้ำซากว่า คณะกรรมการฯ มีมติให้ปิดสถานบริการไปแล้วจำนวน 9 แห่ง และอีก 3 แห่งนัดลงมติอีกครั้งนั้น เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีการปิดทั้งหมดอย่างแน่นอน
"ทั้ง 9 แห่งที่คณะกรรมการฯ เสนอ จะทำเรื่องเสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อพิจารณาสั่งปิดภายในสัปดาห์นี้ ถ้าสถานบริการใดถูกจับกุม ก็จะเสนอสั่งปิดเพิ่มเติมต่อไปอีก เช่นเดียวกับสถานบริการวิคตอเรีย ซีเครท จะไม่มีการต่อใบอนุญาตให้อีก เท่ากับว่าสถานบริการแห่งนี้จะถูกปิดอย่างแน่นอน" ผบช.น.กล่าว
ที่ศาลอาญา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยนายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ได้ส่งทนายความเดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด, นายประวิทย์ มาลีนนท์, นายประชุม มาลีนนท์, น.ส.รัตนา มาลีนนท์, น.ส.นิภา มาลีนนท์, น.ส.อัมพร มาลีนนท์, นางรัชนี นิพัทธกุศล, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์, น.ส.พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ และนายภาษิต อภิญญาวาท กับพวก รวม 10 คน เป็นจำเลย ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
นายณัฐพล ชิณะวงศ์ ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่นฯ กล่าวว่า บริษัทยื่นฟ้องเนื่องจากการกล่าวข้อความและแสดงแผนผังในรายการผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ทำนองว่าบริษัทเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ มีอาบอบนวดหลายแห่งมาถือหุ้นในบริษัท ใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินและการปั่นหุ้น ซึ่งทางบริษัทเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ความหมิ่นประมาท ทำให้บริษัท คณะกรรมการบริษัท ผู้ถือหุ้น และพนักงาน ได้รับความเสียหาย
"เราเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีทุนจดทะเบียนจำนวนมาก ประกอบกิจการชอบด้วยกฎหมายมาตลอด การมาใส่ความหมิ่นประมาททำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง เห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จึงมายื่นฟ้องตามมติของคณะกรรมการบริษัท" นายณัฐพลกล่าว
ถามว่า บริษัทยืนยันทั้งเจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานบริการอาบอบนวดใช่หรือไม่ ทนายความระบุว่า ยืนยันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ส่วนคนที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ที่ทางสื่อทราบดีอยู่แล้วนั้น จริงอยู่ที่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท แต่บุคคลดังกล่าวไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการบริษัทใดๆ ทั้งสิ้น และเท่าที่ทราบ บุคคลดังกล่าวมีหุ้นในหลายบริษัท ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีการมาเจาะจงที่บริษัท อควาฯ
"เราเห็นว่าเป็นการชี้นำสังคม ทำให้บริษัทและผู้เกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย โดยฟ้องเรียกค่าเสียหาย 333 ล้านบาท ซึ่งเสียหายต่อบริษัทที่สะสมชื่อเสียงมายาวนาน และคณะกรรมการฯ ซึ่งมีหน้าตาในสังคม ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งที่ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และค้าประเวณี เป็นเรื่องร้ายแรงผิดศีลธรรม" ทนายความระบุ
ซักว่า หลังมีข่าวมูลค่าหุ้นของบริษัทได้รับความเสียหายด้วยหรือไม่ นายณัฐพลกล่าวว่า เรากำลังมีการตรวจสอบรวบรวมเรื่องตัวเลข ซึ่งจะให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาประเมิน แต่อย่างไรก็ตาม การหมิ่นประมาทในครั้งนี้ทำให้กระทบถึงมูลค่าหุ้นของบริษัทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต่อมาศาลรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ 326/2561 และนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 28 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนคำฟ้องโจทก์บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 17-23 ม.ค.2561 จำเลยทั้ง 10 ร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ โดยร่วมกันออกอากาศรายการข่าว “เรื่องเล่าเช้านี้” ในช่วงรายการ “ชูวิทย์มีเรื่องเล่า” ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งมีบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นผู้ประกอบการ จำเลยที่ 2-7 เป็นผู้บริหาร จำเลยที่ 8-10 เป็นพิธีกร ได้กล่าวถ้อยคำอันมีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ โดยใช้วิธีนำเสนอในลักษณะเป็นแผนภูมิให้เห็นภาพเกี่ยวกับการโอนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีการพาดพิงนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ผู้ถือหุ้น และแสดงให้เห็นว่ามีการเชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันเป็นการสร้างความเสียหายแก่โจทก์
มีรายงานอีกว่า ในส่วนคดีแพ่ง บมจ.อควาฯ ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 10 ในวันเดียวกัน ศาลประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำ 533/2561 โดยนัดชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นสืบพยานในวันที่ 22 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
วันเดียวกัน สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2558 นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ได้เข้าซื้อหุ้น AQ จาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หรือบิ๊กอ๊อด ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 500 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 250 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.95
ทั้งนี้ การซื้อขายหุ้นดังกล่าว บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ ทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2559 ว่า บริษัท เอคิวฯ ขอแจ้งการจำหน่ายหุ้นของ พล.ต.อ.สมยศ ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. 2558 ถึงวันที่ 8 ธ.ค.2558 จำนวน 1,500 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 11.85 ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดให้แก่บุคคลที่มีรายชื่อ 3 คน คือ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2558 จำหน่ายให้นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ จำนวน 500 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 250 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.95, เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2558 จำหน่ายให้ น.ส.ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง และนายรชต พุ่มพันธุ์ม่วง ทั้งคู่เป็นบุตรของ พล.ต.อ.สมยศ คนละ 500 ล้านหุ้น มูลค่าคนละ 250 ล้านบาท (รวม 1,000 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 500 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 3.95 ตามลำดับ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |