ปชช.ไม่เอา'ป้อม'ไป เปิดใจ50ปีสุจริตเพื่อชาติ/วิษณุออกตัวโรดแมปยังขยับอีก


เพิ่มเพื่อน    

"บิ๊กป้อม" จัดงานเลี้ยงเปิดใจสื่อสายทหาร  รับราชการมา 50 ปี ไม่เคยมีเรื่องอะไรหนักๆ ไม่เคยทำอะไรที่เสียหายกับประเทศชาติ ลั่นถ้าประชาชนไม่ต้องการ ก็พร้อมที่จะไปจากตำแหน่ง บ่นพึมทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้ประชาชนได้อยู่กันด้วยความสงบ
    เมื่อวันที่ 31 มกราคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และข้าราชการกระทรวงกลาโหม รวมถึงสื่อมวลชนสายทหาร ที่กระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2561
    พล.อ.ประวิตรกล่าวตอนหนึ่งว่า กระทรวงกลาโหมได้สนับสนุนรัฐบาลมาโดยตลอดในเวลา 3 ปี 8 เดือน ซึ่งการดำเนินการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกคนในกระทรวงกลาโหมได้ทำงานให้เกิดความมั่นคงแก่รัฐบาลและประเทศชาติ โดยดูจากงานด้านความมั่นคง จะเห็นอย่างชัดเจนในเรื่องของความสงบเรียบร้อยของประเทศ ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ที่บั่นทอนหรือแตกแยกเกิดขึ้น และเราได้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนได้อยู่กันด้วยความสงบ
    "เราได้ร่วมกันพัฒนาในเรื่องของความมั่นคงและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่มีแบ่งสีแบ่งฝ่าย ซึ่งยอมรับว่าทำงานด้วยความยากลำบาก แต่ได้รับการสนับสนุนจากสื่อมวลชนมาด้วยดี โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา เราได้ใช้ความพยายามด้วยกันอย่างต่อเนื่องในการประคับประคองบ้านเมืองให้คลี่คลายปัญหาด้านความขัดแย้งในสังคม ควบคู่ไปกับบทบาทและภารกิจในการรักษาเสถียรภาพด้านความมั่นคงของประเทศให้ได้"
    พล.อ.ประวิตรยังบอกอีกว่า ขณะเดียวกันต้องสนับสนุนรัฐบาลในการเป็นกลไกการบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไป แม้จะมีความยากลำบากและแรงเสียดทานก็ตาม แต่ในแรงเสียดทานนั้น จะเห็นว่ามีคนจำพวกหนึ่งพยายามกล่าวหารัฐบาลทำงานไม่ได้ผล และไม่ได้สมความมุ่งหมายของประชาชน 
    "ยืนยันว่ารัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อประชาชนโดยแท้ ทั้งงานด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา ซึ่งรัฐบาลได้ทำและทุ่มเทตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา"
ออกถ้าประชาชนไม่ต้องการ 
    รองนายกฯ กล่าวว่า แรงเสียดทานที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ เราพยายามที่จะต่อสู้ไป เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ทุกอย่างที่รัฐบาลทำ เราทำตามกฎหมาย ตามระเบียบแบบแผนทุกอย่าง ไม่มีนอกลู่นอกทาง และกองทัพยังมีจุดยืนที่เป็นกลไกของรัฐบาล ทำหน้าที่เป็นแกนหลักด้านความมั่นคงเคียงข้างกับประชาชน ยึดประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นสำคัญ จะเห็นได้ว่ากองทัพอยู่ข้างประชาชน ช่วยเหลือและสนับสนุนประชาชน พร้อมรักษาประเทศชาติให้เกิดความสงบ เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ รอบนี้อยากจะฝากกับสื่อได้พิจารณาว่าเราตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติเพื่อให้เดินหน้า
    พล.อ.ประวิตรย้ำว่า การดำเนินงานด้านความมั่นคงกับกองทัพมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างการรับรู้ความเข้าใจต่อประชาชน ว่ารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ต่างๆ ไม่ได้ไปหาเสียง แต่ไปสร้างการรับรู้ ไปดูแลประชาชน อะไรที่ยังไม่ถึงรากหญ้าก็ต้องดำเนินการตามที่รัฐบาลต้องการ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน ลดความยากจน นายกฯ ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว ก็อย่าไปเล่นในลักษณะการเมือง 
    "ทหารไม่ได้มีความขัดแย้งกันกับสื่อ และการที่สื่อนำเสนอข่าวตรงไปตรงมา น่าจะเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการ ที่จะให้เป็นเช่นนั้น ผมไม่ได้มาขอร้องว่าจะต้องทำอย่างนั้นหรือทำอย่างนี้ แต่อยากจะบอกสื่อสารทหารว่า ผมรับราชการมาตั้งแต่ปี 11 จนถึงขณะนี้ผ่านมา 50 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องอะไรหนักๆ ก็ดูเอาแล้วกันว่าผมได้ทำอะไรที่เสียหายกับประเทศชาติบ้านเมืองหรือไม่ ผมเข้ามาเพราะอยากจะช่วยเหลือบ้านเมือง อยากทำงานในบ้านเมือง ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมที่จะไปจากตำแหน่งนี้ เพราะฉะนั้นอยากจะฝากกับสื่อว่า อยากให้ดูว่าผมทำงานมาตลอด 50 ปีได้ทำอะไรไว้บ้าง"  พล.อ.ประวิตรกล่าว
    ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณี สนช.มีมติขยายเวลาบังคับใช้ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.... ออกไป 90 วันว่า ไม่ส่งผลกระทบอะไร เพราะในทางปฏิบัติเป็นเรื่องกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้ โดยสมาชิก สนช.ก็เห็นตามนั้น แต่เรื่องนี้อาจมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยออกมาแสดงความคิดเห็น 
    เขาเชื่อว่าสถานการณ์ไม่น่ามีอะไรมากกว่านี้ การเลือกตั้งนำไปสู่ความสันติสุขของชาติบ้านเมือง และมีประโยชน์กับทุกคน มากกว่าไปเผชิญกับความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ในอนาคตจะมีการเลือกตั้งแน่นอนตามกรอบที่วางไว้
    “ผมไม่ใช่ผู้รู้ทั้งหมด แต่ศึกษาตามข้อกฎหมายแล้ว จะขยายวันเลือกตั้งหรือไม่ ท้ายที่สุดก็มีการเลือกตั้ง” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว
"วิษณุ"รับโรคแมปไม่นิ่ง
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหาก สนช.ตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ที่มา ส.ว. จะทำให้โรดแมปต้องขยับออกไปหรือไม่ว่า จะไม่ทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปอีก เพราะอยู่ในโรดแมปที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว แต่ถ้ามีอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้ อาจทำให้เกิดปัญหาบ้างเล็กน้อย สำหรับกฎหมาย ส.ส.และ ส.ว. เมื่อเข้า สนช.ต้องพิจารณาภายใน 60 วัน หากมีการแก้ไขแล้วต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมจะต้องใช้เวลาอีก 30 วัน คือในเดือน ก.พ.61 กฎหมายจะเสร็จยาวกว่าเดือน ก.พ.ไม่ได้ ถ้าไม่มีอะไรกระทบให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
    ถามว่า ถ้ามีผู้ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นอะไรที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้หรือไม่ นายวิษณุแจงว่า การยื่นศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นเหตุหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ หากมันจะเกิด ต้องว่าตามกระบวนการ เรื่องนี้มันเป็นไปได้ เหมือนกฎหมาย ป.ป.ช. ที่มีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต้องใช้ระยะเวลา ทั้งนี้ ผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมายจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญได้หลังพ้นขั้นคณะกรรมาธิการร่วมไปแล้ว คือนายกฯ และสมาชิก สนช.เท่านั้น
     "จะบวกเท่าไรแล้วแต่ศาลรัฐธรรมนูญ จะเร็วกว่า 1 เดือนยังได้ ที่ผ่านมาเร็วกว่าหรือช้ากว่า 1 เดือนนั้นมี อยู่ที่ความยากง่ายและจำนวนของประเด็น มันเคยมีประเด็นที่ต้องใช้ระยะเวลา 2 เดือนก็มี หากประเด็นยากจะต้องสืบพยาน ระยะเวลามันเอาแน่ไม่ได้ เนื่องจากศาลไม่มีกรอบระยะเวลาในการพิจารณา วันนี้ผมพูดไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ามีประเด็นอะไร" รองนายกฯ กล่าว
    นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้รับร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่ผ่านการพิจารณาจาก สนช. คาดว่าอยู่ระหว่างการตรวจทานความสมบูรณ์ถูกต้องของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และคงสามารถส่งให้ กกต.ได้ภายในสัปดาห์นี้ โดยหาก กกต.เห็นว่ามีประเด็นเนื้อหาใดที่ขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ จะต้องทำความเห็นแย้งกลับไปภายใน 10 วัน 
    เขากล่าวว่า จากการพิจารณาเนื้อหาเบื้องต้นของร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทางเจ้าหน้าที่สรุปและได้เสนอความเห็นว่ามี 4 ประเด็นที่เป็นปัญหา คือ เรื่องการขยายเวลาบังคับใช้ 90 วัน การจำกัดสิทธิ์ผู้ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง การขยายเวลาเลือกตั้งเป็น 07.00- 17.00 น. และการให้มีมหรสพในการหาเสียง ซึ่ง กกต.ได้ให้ความเห็นเบื้องต้นว่า ใน 3 ประเด็นแรกน่าจะไม่ขัดเจตนารมณ์ มีเพียงประเด็นมหรสพประเด็นเดียวที่อาจจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่เที่ยงธรรมได้ 
สนช.ยังไม่เยื้อ กม.ลูก
    “สิ่งที่แปลกประหลาดคือ หลังจากการลงมติของ สนช.และผมได้วิพากษ์ประเด็นมหรสพว่าจะเข้าทางเอื้อพรรคใหญ่ ก็มี สนช.ในฝั่งผู้เสนอให้มีมหรสพโทร.มาหาว่าจะพยายามแก้ไขประเด็นดังกล่าวให้กลับเป็นไม่มีมหรสพ และอยากให้ กกต.เสนอความเห็นแย้งในประเด็นดังกล่าว ซึ่งผมชี้แจงไปว่าคงยากแล้ว เพราะไม่ใช่ประเด็นขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เมื่อ สนช.ผูก ก็ต้องไปหาทางแก้เอาเอง หรือเพิ่งจะมาเห็นเงาของโลงศพ เลยกลัวต้องหลั่งน้ำตาในอนาคต” นายสมชัยกล่าว
    นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวว่า ไม่มีประเด็นที่จะยื้อเวลา ที่ผ่านมากฎหมายทุกฉบับก็ใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน หากยาวกว่านี้จะต้องมีคำตอบให้กับทุกฝ่าย เรื่องที่มีข่าวว่าจะขยายเวลาในการส่งร่างให้ กกต.กับ กรธ.ช้าออกไปอีก 1 เดือน เพื่อขยายเวลาเลือกตั้ง ไม่เป็นความจริง ไม่เกี่ยวกับเกมยื้อใดๆ ทั้งสิ้น อย่าไปมโน เพราะถ้าช้ากว่านี้ประธาน สนช.ก็ต้องมีคำตอบให้สังคมว่าทำไมถึงยังไม่เสร็จ
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ยืนยันไม่เคยสัญญาประกาศเลือกตั้งวันไหนว่า คนไทยไม่ชอบศรีธนญชัย ไม่ชอบการโกหก ตระบัดสัตย์ ไม่มีใครชอบที่ตัวเองเป็นคนโง่และถูกหลอก ตอนนี้คนไทยเข้าใจแล้วว่าที่ยึดอำนาจ ตัดสินใจวางแผนมาตั้งแต่ต้นหรือไม่ โกหกเป็นนิจ พูดแล้วไม่ทำหรือไม่ ในทางการแพทย์ คนที่มีอาการขี้หลงขี้ลืมต้องไปตรวจว่าเป็นอัลไซเมอร์หรือไม่ ควรไปพบแพทย์โดยด่วนหรือไม่
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากไทยต้องการยืนอยู่บนเวทีโลกอย่างสง่างาม ไทยก็ต้องเคารพกติกาสากลด้วย ต่างชาติเขาเป็นเพื่อนที่ดีของไทย เขาจึงตักเตือนเมื่อเห็นเพื่อนเดินไปในทางที่ผิด แต่การประจบสอพลอด้วยการปกปิดความจริงเพื่อเอาใจเผด็จการเพียงเพราะหวังจะอยู่ในอำนาจต่อไปนานๆ นอกจากจะทำให้เสียเกียรติภูมิของประเทศแล้ว ยังจะพากันพังทั้งหมด อย่าปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบนกกระจอกเทศ ที่เอาหัวซุกทราย โดยไม่สนใจว่าโลกภายนอกเขาคิดอย่างไรกับประเทศไทยเลย เพราะจะกระทบผลประโยชน์ของประเทศไทยบนเวทีโลก
    ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.ติดตามกรณีนาฬิกายืมเพื่อนของ พล.อ.ประวิตรว่า ป.ป.ช.ควรออกมาแถลงข่าวเกาะติดเรื่องนี้รายสัปดาห์ หรืออย่างน้อยราย 3 วัน เพื่อทำให้สังคมเห็นว่าวันนี้หน่วยงานแห่งนี้ ที่ใช้เงินภาษีประชาชนมีความเที่ยงตรงและยุติธรรม
         เขากล่าวว่า ประชาชนเริ่มตาสว่างว่า 4 ปีมานี้เป็น 4 ปีแห่งความสูญเปล่า ยังคงต้องจับตามองรัฐบาล คสช.จากผลงานความโปร่งใส ที่อ้างตอนเข้ายึดอำนาจ  เรื่องการประกาศดัชนีชี้วัดด้านการคอร์รัปชันโลก (cpi.)ที่จะประกาศในเดือนหน้านี้ว่าประเทศไทยจะตกลงไปอยู่อันดับใด เพราะผลสำรวจเมื่อปี 2559 ประเทศไทยก็โดนตราหน้าว่าเป็นประเทศที่มีคอร์รัปชันสูงจากอันดับดีที่ 76 ตกมาอยู่ที่อันดับ 101 ซึ่งจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศและการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างแน่นอน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"