‘บิ๊กตู่’ผุดเว็บใหม่ เทือกอัดเพื่อแม้ว


เพิ่มเพื่อน    

  "ตู่ดิจิทัล" ผุดเว็บไซต์ใหม่รับคำถาม-ปัญหา ปชช.โดยตรง ชวนคลิกโหวตเรื่องด่วนต้องแก้  "ป้อม" ย้ำปลดล็อกหลัง พรฎ.เลือกตั้ง "อนาคตใหม่" เตือนเลื่อนเลือกตั้งอีกเดือดแน่ "เจ๊หน่อย" นั่งหัวโต๊ะประชุม กก.ยุทธศาสตร์ พท.กลบข่าวแพแตก "ภูมิธรรม" ลั่นจะอยู่เป็นคนสุดท้ายจนกว่าถูกยุบ พช.เปลี่ยนใจดัน "สงคราม" นั่งหัวหน้า รปช.คึกคักทำบุญที่ทำการพรรค "สุเทพ" เผยคารวะแผ่นดินมีเรื่องตื่นเต้นทุกวัน ยันไม่ประมาทเพื่อแม้วประกาศคว้า 300 ที่นั่ง เชื่อพรรคอะไหล่รวมตัวกันหลังเลือกตั้ง  

    เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ว่า "สวัสดีพี่น้องชาวไทยที่รัก ในช่วงที่ผ่านมาผมเปิดช่องทางสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำหรับผม  และผมพบว่าผมสามารถสื่อสารและรับฟังปัญหาของประชาชนได้เป็นจำนวนมากผ่านช่องทางใหม่ๆ นี้  แต่ผมอาจจะยังไม่สามารถตอบหรือแก้ปัญหาที่ประชาชนส่งเข้ามาได้มากเพียงพอ ผมจึงได้ให้ทีมงานหาแนวทางที่ผมจะสามารถตอบและแก้ปัญหาได้เร็วกว่านี้ 
    วันนี้พี่น้องประชาชนทุกท่านสามารถส่งคำถามหรือปัญหาเข้ามาถึงผมโดยตรงผ่านเว็บไซต์อีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งจะทำให้ทีมงานผมรวบรวมปัญหาที่เข้ามาได้ดีกว่า ผมอยากให้ทุกคนมาลองใช้ช่องทางที่เพิ่มขึ้นมาใหม่นี้ครับ ง่ายๆ เพียงคลิก https://ask.prayutchan-o-cha.com" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการปลดล็อกการเมืองหลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งว่า เรื่องนี้พูดมาหลายครั้งแล้ว แต่สื่อยังจะมาถามอีก จะไม่พูดแล้ว
    เมื่อถามถึงกรณีนักการเมืองวิจารณ์ว่าหากปลดล็อกการเมืองในปลายเดือน ธ.ค. จากนั้นจะมีเวลาหาเสียงประมาณ 60 วันซึ่งถือว่าน้อย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่น้อย ทีตอนคุณยิ่งลักษณ์ 49 วัน"
    นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงโรดแมปเลือกตั้งเมื่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.บังคับใช้ในวันที่ 9 ธ.ค. พร้อมวันปลดล็อกเมื่อมีการประกาศ พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งว่า ทั้งหมดเป็นโรดแมปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วางไว้ ซึ่งกรอบเวลากำหนดวันเลือกตั้งภายใน 150 วัน อย่างเร็วคือวันที่ 24 ก.พ.62 อย่างช้าสุดคือวันที่ 9 พ.ค.62 แต่มาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ยังคงอยู่ หลักประกันว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไรจึงยังไม่ชัด 
    "วันที่ 22 พ.ย.นี้ ที่ กกต.นัดประชุมหารือชี้แจงการดำเนินการร่วมกับพรรคการเมืองนั้น ผมคงไม่ไป เนื่องจากมองว่าอาจใช้พรรคการเมืองเป็นเครื่องมือในการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไป โดยให้พรรคบางพรรคแสดงออกว่าการดำเนินการตามข้อกำหนดตามคำสั่ง คสช.วางเงื่อนไขไว้ไม่ทัน ดังนั้นเราจะไม่ไปร่วมเป็นหางเครื่องให้ คสช.เลื่อนเลือกตั้งเด็ดขาด อุปสรรคทั้งหมดไม่ได้เกิดจากพรรคการเมือง แต่เกิดจากคำสั่งของ คสช.ตามมาตรา 44 เองทั้งหมด ตอนนี้ทั้งประชาชน พรรคการเมือง และ กกต.ต่างก็พร้อมที่จะเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62 แล้ว การเลือกตั้งไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้งอะไร การเลื่อนเลือกตั้งต่างหากที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง" นายปิยบุตรกล่าว
     ที่อาคารไทยซัมมิท ชั้น 5 นายรังสิมันต์ โรม และนายปิยรัตน์ จงเทพ หรือ "โตโต้" 2 แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งและสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ เดินทางมาสมัครว่าที่ผู้ลงรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรค โดยมีสมาชิกกลุ่มคนอยากเลือกตั้งบางส่วนมาให้กำลังใจและมอบดอก โดยนายรังสิมันต์ลงสมัครในแบบปาร์ตี้ลิสต์ ขณะที่นายปิยรัตน์ลงสมัครในแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่เขต 1 จ.กาฬสินธุ์
    นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันนี้เตรียมหลักฐานมาพร้อม หากไม่โดนศาลตัดสินจำคุกระหว่างทางก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เชื่อว่าเราและพรรคอนาคตใหม่จะสามารถร่วมทางกันได้ในการต่อสู้ทางการเมือง จะเป็นการเชื่อมกันของภาคประชาชนและนักการเมือง การรัฐประหารที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะพรรคการเมืองที่เคยมีไม่ได้ต่อสู้เต็มที่กับเรื่องนี้ แรงบันดาลใจที่ทำให้ตนตัดสินใจได้เด็ดขาดคือผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน และขอประกาศเป็นศัตรูกับการรัฐประหารที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า
    ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเคลื่อนไหวจะกลับไปร่วมด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ บอกว่า เราแบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน ซึ่งกลุ่มคนอยากเลือกตั้งก็ดูการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน  ทั้งนี้ต้องดูเป็นประเด็น หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับประชาธิปไตยคิดว่าเรื่องนี้ร่วมงานกันได้ไม่มีปัญหา แต่บทบาทของตนอาจไม่ใช่เป็นแกนนำไปขึ้นเวทีปราศรัยเหมือนก่อน การแยกบทบาทให้ชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ 
เพื่อแม้วกลบข่าวแพแตก
     ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค พท.กล่าวปฏิเสธกรณีมีกระแสข่าวความขัดแย้งในพรรคจนกระทั่งตนลาออกจากพรรค โดยยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งใดๆ และจะเป็นคนสุดท้ายจนกว่าพรรคจะถูกยุบ ส่วนความเห็นเหมือนเห็นต่างในพรรคเป็นธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย เรื่องนี้ถือเป็นข่าวปล่อยที่หวังทำลายความสามัคคีของเพื่อไทย
    นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท.กล่าวถึงข่าวความขัดแย้งภายในพรรคว่าไม่มีมูลความจริง เป็นธรรมชาติของพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะมีความเห็นต่าง แต่สุดท้ายก็ต้องมีข้อยุติ พรรคได้เลือกตั้งหัวหน้าและคณะกรรมการบริหาร รวมถึงคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว ทุกคนที่ได้รับเลือกตั้งต่างก็ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นผู้ได้รับการมอบหมายให้เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค มีความตั้งใจในการทำงานสูง และมีความรู้ความสามารถในการทำงานในทุกด้าน และร่วมกันทำงานด้วยดีมาตลอด
      "ไม่มีเหตุใดๆ ที่จะบั่นทอนอุดมการณ์ของสมาชิกพรรค แต่ช่วงเวลานี้เราต้องจับมือกันในการที่จะเดินหน้าเข้าสู่สนามเลือกตั้ง การที่มีผู้ปล่อยข่าวทำนองนี้ออกไปเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง หวังทำลายพรรคเพื่อไทยโดยตรง ไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่นแน่นอน" นายประยุทธ์กล่าว
     นายโภคิน พลกุล แกนนำพรรค พท.กล่าวเช่นกันว่า เป็นสิ่งที่ไม่เป็นสาระ เป็นเพียงการปล่อยข่าวโดยไม่ระบุชื่อผู้ให้สัมภาษณ์ จึงไม่มีความน่าเชื่อถือ จะเห็นได้ว่าบุคคลที่ตกเป็นข่าวว่าจะย้ายพรรค เช่น นายภูมิธรรม เวชยชัย และนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ล้วนออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้จะทิ้งพรรคเพื่อไทยไปไหน และทั้งสองท่านก็ได้พูดยืนยันด้วยตนเองว่าไม่มีความขัดแย้งภายในพรรค ในขณะนี้มีความเป็นปึกแผ่นและการทำงานภายในพรรคก็เป็นไปด้วยดี แม้จะมีบุคลากรส่วนหนึ่งย้ายพรรคก็เป็นเรื่องปกติ  ไม่ได้ทำให้พรรคเพื่อไทยสะดุด เพราะยังมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถอีกมากมายที่สามารถมาทำงานทดแทนได้ 
    "ในส่วนของการทำหน้าที่ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นแม่ทัพในการเลือกตั้งนั้น ถือว่าเป็นผู้ที่มีความเหมาะสม เพราะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่พรรคเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าคุณหญิงสุดารัตน์จะสามารถนำทีมสู้ศึกเลือกตั้งได้เป็นอย่างดีและประสบความสำเร็จ ส่วนการปล่อยข่าวว่ามีความแตกแยกนั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พรรคการเมืองขนาดใหญ่จะถูกดิสเครดิตในช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง แต่ไม่มีอะไรน่าหนักใจสำหรับพรรคเพื่อไทย" นายโภคินกล่าว
    มีรายงานข่าวจากพรรค พท.เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย. คณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยที่มีคุณหญิงสุดารัตน์เป็นประธาน ได้จัดประชุมโดยมีแกนนำพรรค อาทิ นายโภคิน พลกุล, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา, นายชัยเกษม นิติสิริ, นายวัฒนา เมืองสุข, นายสามารถ แก้วมีชัย, นายไพจิต ศรีวรขานเข้าร่วม ที่ประชุมได้หารือถึงการเตรียมการเข้าสู่การเลือกตั้งตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งการเตรียมการเลือกตัวแทนประจำจังหวัดของพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้ง การจัดตั้งสาขาของพรรคในแต่ละภูมิภาคที่ยังขาดในพื้นที่ภาคใต้ การสรรหาตัวผู้สมัคร รวมถึงการเตรียมการลงพื้นที่เพื่อหาสมาชิกและรับฟังความคิดเห็นประชาชนมาปรับปรุงนโยบาย ซึ่งหลังจากนี้พรรคจะมีการเดินสายพบประชาชนมากขึ้น โดยวันที่ 10 พ.ย.นี้แกนนำจะลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และวันที่ 11 จะลงพื้นที่ห้างแพลตตินัม กทม.
พช.ดัน 'สงคราม' นั่งหัวหน้า
    แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อชาติ (พช.) เปิดเผยว่า สำหรับการดำเนินการเตรียมตัวเลือกตั้งของพรรคเพื่อชาติที่จะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 23 พ.ย. ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ในรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ที่ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนคนเสื้อแดงจะมาเป็นหัวหน้าพรรค เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งถือเป็นมวลชนหลักของพรรคมาโดยตลอด หากนายสงครามมาเป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมวลชนเพิ่มเติม และขณะนี้นายสงครามก็ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว โดยจะเปิดตัววันที่ 11 พ.ย.นี้ ที่ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ลาดพร้าว เวลา 11.45 น. ส่วนนายทนง พิทยะ อดีต รมว.การคลังในรัฐบาลไทยรักไทย ที่มีข่าวจะมาเป็นหัวหน้าพรรคในตอนแรกนั้น ได้ขอช่วยงานนโยบายทางเศรษฐกิจของพรรคในเบื้องหลังแทน ประกอบกับคนในครอบครัวไม่อยากให้มานำทัพเต็มตัว เพราะจะต้องเจอแรงเสียดทานทางการเมืองสูง 
    ช่วงเช้าวันเดียวกัน พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้ทำบุญเปิดที่ทำการพรรคที่ซอยรัชดาภิเษก 26 อาคารพี เค แอล โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง อาทิ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายสมศักดิ์ บุญยืน, นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์, นายจักษ์ พันธุ์ชูเพชร, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์, นายอุทัย ยอดมณี,  น.ส.เพชรชมพู กิจบูรณะ, นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เป็นต้น 
    นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ เดินทางมามอบกระเช้าดอกไม้ร่วมแสดงความยินดี อาทิ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา, นางเยาวภา บุรพลชัย หรือน้องวิวอดีตนักเทควันโด, นายเทวัญ  ลิปตพัลลภ จากพรรคชาติพัฒนา, นายวิเชียร ชวลิต, นายวัชระ กรรณิการ์ จากพรรคพลังประชารัฐ, นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์, นายถาวร เสนเนียม, นายสุธรรม ระหงษ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น 
    โดยภายในงานมีการนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูป นำโดยท่านเจ้าคุณพระเมธีวราลงกรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กทม. มาทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์และประพรมน้ำมนต์ ให้ศีลให้พรแก่ผู้ก่อตั้งพรรคและแขกที่มาร่วมงาน
    ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวว่า จากการเดินหาสมาชิกพรรคมีผลตอบรับด้วยดี โดยหลังจากนี้จะเป็นการเลือกกรรมการบริหารพรรคและตัวแทนพรรคที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งการตั้งสาขาพรรค ก่อนการประชุมสมัชขาใหญ่ โดยในที่ประชุมจะเปิดโอกาสให้สมาชิกลงคะแนนเลือกผู้บริหารด้วยตัวเองผ่านระบบ IT จากนั้นเมื่อมีคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครแล้ว ก็จะเปิดให้สมาชิกได้ลงคะแนนเพื่อเลือกผู้สมัครของตัวเองหรือเรียกกันว่าระบบไพรมารี
    ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวถึงไทม์ไลน์เลือกตั้งของรัฐบาลว่า ในเมื่อผู้มีอำนาจระบุมาเช่นนี้และไม่มีทางแก้ไขได้ เราก็ชอบเสียเลย ไม่มีประโยชน์ที่จะเถียงกันไปมา ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มทำ ส่วนการปลดล็อกทางการเมืองนั้นเห็นว่าเขาหวังดีต่อการเลือกตั้ง ซึ่งทำได้แค่นี้บริหารประเทศได้แบบนี้ เราเห็นและพูดอะไรไปก็ทะเลาะกันเปล่าๆ เขาก็ยังทำแบบนี้ ไม่เกิดอะไรขึ้น 
    เมื่อถามถึงกรณีที่มีคนเคยเป็น กปปส.ไม่พอใจต่อกิจกรรมเดินคารวะแผ่นดิน ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวว่า ทุกอย่างได้รับผลกระทบหมด คนที่เป็น กปปส.มีประมาณ 5-7 ล้านคน นานาจิตตัง วันนั้นทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน วันนี้คนเรามีความคิดเปลี่ยนไป วันนี้ต้องเลือกพรรคนี้ก็เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเอานกหวีดมาคืนหรือเขียนต่อว่าอะไร เล่นการเมืองต้องอดทน กระแสตอบรับทางลบนี้เป็นเรื่องของปลาตัวเดียวท่ามกลางพันตัว เรื่องแบบนี้สื่อชอบ มีคนคืนนกหวีดอันเดียวก็เสนอข่าวกันเต็ม ประชาชนเขาเข้าใจและจะตัดสินกันเองว่าจะเลือกหรือไม่
พรรคอะไหล่รวมตัวกันแน่
    ด้านนายสุเทพให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเดินคารวะแผ่นดินว่า รปช.ได้รับการตอบรับอย่างดี  และจากการพบปะประชาชนทำให้ทราบว่าพี่น้องตื่นตัวจดจ้องกับการเลือกตั้งและการเมือง ประชาชนสนใจรู้ทุกเรื่อง อีกทั้งยังบ่นเรื่องราคาพืชผล เศรษฐกิจระดับครอบครัว แต่ตนบอกกับประชาชนแล้วว่าบ้านเมืองจะดีขึ้นภายหลังเลือกตั้ง การเดินคารวะมีเรื่องน่าตื่นเต้นทุกวัน มีคนไปแสดงอาการไม่ชอบไม่เห็นด้วย การที่ตนใช้คำว่าแสดง เพราะคนเหล่านั้นมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี ทั้งนี้ไม่รู้สึกเป็นกังวลเพราะเจอมาเยอะแล้ว เราก็เหมือนพระเดินธุดงค์ ค่ำไหนปักกรดนอนตรงนั้น มั่นใจว่าจะไม่เป็นสาเหตุทำให้รัฐบาลใช้เป็นข้ออ้างการเลื่อนเลือกตั้ง
        ส่วนกรณี ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต วิพากษ์วิจารณ์ รปช.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนน้อมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และท่านก็เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ เคยรักเคยเคารพกันอย่างไร วันนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตนก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง แต่ตั้งใจทำเพื่อบ้านเมือง 
        เมื่อถามถึงไทม์ไลน์ของรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า ตนเคยเป็นผู้จัดการรัฐบาลนำนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ใช้เวลา 2 เดือนครึ่ง แต่ตอนนั้นการเมืองไม่ค่อยซับซ้อนเหมือนตอนนี้ ที่คาดการณ์ยากเนื่องจากมีหลายพรรค อย่างกรณีกลุ่มนายทักษิณ ชินวัตร ใช้ยุทธศาสตร์แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย ซึ่งน่ากังวลและจะประมาทไม่ได้ที่เขาเคยประกาศว่าจะได้ 300 ที่นั่ง โดยเขาจะเจาะเป็นตลาดๆ ไป เช่น พรรคอนาคตใหม่เจาะกลุ่มวัยรุ่น พรรคประชาชาติเจาะตลาดสามจังหวัดชายแดนใต้ 
    "ซึ่งท้ายที่สุดพรรคเหล่านี้ก็จะรวมกันหลังเลือกตั้งอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการเมืองหลังเลือกตั้งจะไม่วุ่นวาย เพราะเห็นชัดว่าฝ่ายไหนหรือกลุ่มใดเป็นอย่างไร เพียงแต่จะคาดการณ์ยากว่าจะได้เสียงแค่ไหนเท่านั้น" นายสุเทพกล่าว 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เลขาธิการพรรค เดินทางเข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ประมาณ 30 นาที โดยทั้ง 2 คนปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ขณะที่นายอุตตม กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า มาคุยเรื่องกฎหมายกระทรวงไม่ได้มีเรื่องการเมือง 
    ขณะที่นายวิษณุเปิดเผยว่า เป็นเรื่องเล็กๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติตนที่ควรระวังต่างๆ อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ตนก็ให้คำแนะนำไปอะไรทำได้บ้างอะไรทำไม่ได้บ้าง เนื่องจากวันที่ตนแจงในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ทั้ง 4 รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐมีภารกิจต่างประเทศไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม.จึงมาสอบถามตน และขอให้ตนลงรายละเอียดถึงข้อปฏิบัติ ส่วนเรื่องการลาออกจากตำแหน่งตนไม่ได้แนะนำอะไร และสามารถลงพื้นที่หาสมาชิกพรรคได้หรือไม่ เรื่องนี้ต้องไปถาม กกต.
    นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกพรรค พปชร.เปิดเผยว่า  จากนี้จะเร่งดำเนินการเพื่อรับการเลือกตั้ง โดยตนและทีมงานจะเดินสายไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักศึกษา เยาวชนตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อนำความเห็นเสนอพรรคจัดทำนโยบาย พร้อมกันนี้จะเดินหน้าประชาสัมพันธ์โดยใช้โซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์ โดยทีมงานประชาสัมพันธ์ของพรรคมีความเชี่ยวชาญการใช้สื่อออนไลน์เป็นอย่างมาก จึงมั่นใจว่าการประชาสัมพันธ์จะมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชน
     ส่วนการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีขอให้รอดูในเวลาไม่นานหลังจากนี้ เพราะทั้ง 4 คนในพรรคได้พูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่กลุ่มสามมิตรจะเข้าร่วมพรรค พปชร.ในวันที่ 18 พ.ย.นี้ ยังไม่ทราบความชัดเจน 
'กรุง' ทิ้ง ภท.ซบ พปชร.
    ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับ 2 อดีต ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย คือ นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ และ น.ส.สุนทรี ชัยวิรัตนะ หลานสาวนายประสิทธิ์ที่ได้เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค
    โดยนายประสิทธิ์กล่าวว่า สาเหตุการย้ายพรรคเพราะเกิดปัญหาการทับซ้อนส่งผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่  ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนจึงรอไม่ไหว ต้องรีบหาพรรคสังกัดก่อนหมดเวลา โดยตนจะลงสมัคร ส.ส.ชัยภูมิ เขต 1 ส่วน น.ส.สุนทรีจะลงสมัคร ส.ส.ชัยภูมิ เขต 2 ยืนยันว่าการย้ายพรรคในครั้งนี้ตนและหลานสาวไม่ได้ขัดแย้งกับใคร โดยเฉพาะที่มีข่าวว่าไม่พอใจบทบาทของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและเป็นผู้ตัดสินผลการเลือกตั้ง ส่วนสาเหตุที่ย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทย เพราะมีความเป็นกลางและสามารถเข้าได้กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคมีความสปอร์ต ขณะนี้มีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนได้มาปรับทุกข์ในปัญหาการทับซ้อนพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะย้ายมาพรรคภูมิใจไทย แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีใครบ้าง  
     นายอนุทินกล่าวถึงกระแสข่าวการย้ายพรรคของนายภราดร และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) บุตรชายทั้ง 2 ของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตแกนนำพรรค ชทพ.ที่ประกาศวางมือจากพรรคว่า ในทางการเมืองไม่ควรพูดอะไรล่วงหน้า ซึ่งในการจะย้ายพรรคมีกำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าจะต้องสมัครเป็นสมาชิกไม่เกินวันที่ 26 พ.ย.นี้ ที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว ตนจึงไม่ขอแสดงความเห็นใดที่จะเป็นการกดดันการตัดสินใจของใครทั้งสิ้น 
     ล่าสุด นพ.ไกร ดาบธรรม อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรครวมชาติพัฒนา ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคด้วย นอกจากนี้ภายในวันที่ 16 พ.ย.นี้ นายภราดรและนายกรวีร์จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยแน่นอนในสัปดาห์หน้า 
    ที่สำนักงาน กกต. นายกรุง ศรีวิไล หรือกรุงศรีวิไล สุทินเผือก อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคภูมิใจไทย เดินทางมายื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ภท. โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถทำงานให้พรรค ภท.ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งไม่สามารถทำตามกฎระเบียบของพรรคคือการช่วยหาสมาชิกพรรค ได้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาน้อยใจ ซึ่งได้ยินว่าพรรคคาดหวังกับ ส.ส.ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการเพียง 1 ที่นั่ง ทั้งที่ทั้งจังหวัดมี ส.ส.ได้ถึง 7 คน ประเด็นนี้จึงเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจลาออกจากพรรค โดยหลังจากนี้จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐวันที่ 19-20 พ.ย.นี้ ตามที่มีผู้ใหญ่ของพรรคมาทาบทามไปร่วมงานด้วย ยืนยันว่าไม่มีเรื่องเงินและเรื่องดูดมาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย วันนี้ที่มายื่นใบลาออกก็มีคนโทร.มายับยั้ง แต่ตนตัดสินใจแล้ว  
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการให้สัมภาษณ์นายกรุงศรีวิไลมีน้ำเสียงสั่นเครือและปาดน้ำตาตลอดเวลา แสดงออกถึงความอัดอั้นและน้อยใจ
    นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ยืนยันจุดยืนของพรรคว่า พรรคไม่ได้เชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคมีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องสังคมธรรมาธิปไตย ต้องการให้สังคมไทยก้าวข้ามความขัดแย้งเหลือง-แดงในอดีต เข้าสู่สังคมที่เป็นหนึ่งเดียวคือสีของชาติไทย จึงถือว่าทุกพรรคการเมืองทุกกลุ่มเป็นแนวร่วมกับพรรคพลังธรรมใหม่.   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"