“ออมสิน” เปิดผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ (SSI) ไตรมาส 3 ฟื้นแตะระดับ 61.55 อานิสงส์โครงการบัตรสวัสดิการรัฐดันเงินหมุนเวียนในภูมิภาคมากขึ้น แนะเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงด้านต้นทุนสตาร์ทอัพ ค่าขนส่งและราคาวัสดุพุ่ง ทำผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ( SSI ) ประจำไตรมาส 3 ปี 2561 ได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างสตาร์ทอัพทั่วประเทศจำนวน 430 ตัวอย่าง พบว่า ดัชนี SSI ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ระดับ 61.55 ซึ่งสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ มีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางธุรกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะจากปัจจัยด้านการลงทุน ด้านผลประกอบการ ปริมาณการผลิต คำสั่งซื้อและการจ้างงานที่อยู่ในระดับดี
โดยมีเหตุผลสำคัญมาจากการดำเนินมาตรการของภาครัฐ อาทิ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่ง ในภูมิภาคมีเงินหมุนเวียนมากขึ้น และนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยที่ส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเชื่อมโยง ประกอบกับการเร่งลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการกำหนดวันเลือกตั้งอย่างชัดเจนส่งผลเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการโดยทั่วไป อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนของค่าแรง ค่าวัสดุอุปกรณ์และค่าขนส่งที่ยังอยู่ในระดับสูง
สำหรับดัชนี SSI ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ มีมุมมองต่อภาวะธุรกิจในภาพรวมดีขึ้น อยู่ที่ระดับ 70.35 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากคำสั่งซื้อ ปริมาณการผลิตและผลประกอบการที่คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นในธุรกิจเทคโนโลยี ท่องเที่ยว ขนส่งและโลจิสติกส์ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในธุรกิจท่องเที่ยวเนื่องจาก ไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นช่วงของฤดูกาลท่องเที่ยว ที่มีทั้งเทศกาลเฉลิมฉลองและมีวันหยุดยาว ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าและบริการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานอย่างไรก็ตามผู้ประกอบการยังคาดการณ์ว่าต้นทุนการประกอบการยังไม่น่าจะลดลงจากปัจจุบัน
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในแต่ละภาคธุรกิจ ได้แก่ อุตสาหกรรม การเกษตร การค้าและบริการ พบว่า ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ยังมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางธุรกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดัชนี SSI ในภาคบริการอยู่ที่ระดับ 66.67 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนและมีค่าดัชนีสูงที่สุดในทุกภาคธุรกิจ ขณะที่ดัชนีธุรกิจอื่นๆ อยู่ระดับ 58.40-57.60
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ ยังคงมีข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะปัญหาจากสภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลทำให้ผลผลิตลดลง รวมทั้งประชาชนยังระมัดระวังการใช้จ่าย อีกทั้งปัญหาการขาดสภาพคล่อง การเพิ่มขึ้นของต้นทุนและคู่แข่งขัน รวมถึงการขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือและมีทักษะเฉพาะทาง
อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยฯ มองว่ายังมีประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังติดตามคือปัจจัยทางด้านต้นทุนของผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพที่สูงขึ้น ทั้งค่าจ้างแรงงานผู้มีทักษะเฉพาะทาง ค่าวัสดุอุปกรณ์และค่าขนส่ง อีกทั้งยังมีอุปสรรคที่รอการแก้ไขในด้านกำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้สั่งซื้อ นอกจากนี้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ยังคงต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนในด้านเงินทุนโดยมีเงื่อนไขการกู้ยืมที่ยืดหยุ่นและมีการผ่อนปรนการชำระหนี้เมื่อประสบปัญหา รวมถึงการร่วมลงทุนเพื่อขยายธุรกิจและลงทุนเพิ่มเติมในด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ อีกทั้งสนับสนุนด้านการหาตลาดและเพิ่มความรู้ด้านการลงทุน การขยายธุรกิจ ภาษี ตลอดจนด้านเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |