ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมามีผลกว้างไกลหลายด้าน...ทำให้มีคนถามผมว่า “ทรัมป์จะลดความซ่าลงไหม?”
คำตอบของผมคือทรัมป์จะแกล้งทำเป็นพร้อมประนีประนอมกับพรรคเดโมแครตที่ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร (สภาล่าง) เป็นครั้งแรกใน 8 ปี แต่ก็พร้อมเปิดศึกเหมือนกันถ้ามีการสอบสวนพฤติกรรมที่เป็นเรื่องอื้อฉาวมาหลายปีแล้ว
สิ่งที่ทำให้ทรัมป์หงุดหงิดเป็นพิเศษจากผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้คืออำนาจใหม่ที่พรรคเดโมแครตมีในการเดินหน้าตรวจสอบเขา
คำว่า subpoena บาดใจทรัมป์เป็นพิเศษ เพราะหมายถึงการที่กรรมาธิการหลายชุดในสภาล่างสามารถจะเรียกตัวทรัมป์หรือเจ้าหน้าที่รัฐมาให้การหรือส่งเอกสารอะไรก็ได้ที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของแต่ละชุด
เช่น Oversight Committee ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบกำกับดูแลการทำงานของฝ่ายบริหารในเกือบทุกด้าน รวมถึงการใช้งบประมาณในกิจกรรมต่างๆ
หรือ Ways and Means Committee ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องงบประมาณโดยตรง
ยิ่งผลการเลือกตั้งครั้งนี้ส่งผลให้คนรุ่นใหม่และสตรีมุสลิมของพรรคเดโมแครตได้เข้ามานั่งในสภาล่างเป็นครั้งแรก เธอเหล่านี้ก็จะต้องแสดงบทบาทของการตอกย้ำถึงอุดมการณ์ของพรรคในการตรวจสอบการทำงานของทรัมป์และแสวงหาหนทางที่จะทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม
ทรัมป์ประกาศในการแถลงข่าวหลังรู้ผลเลือกตั้งว่าหากเดโมแครตพร้อมจะร่วมมือกับรีพับลิกันและทำเนียบขาวในการเดินหน้าผลักดันโครงสร้างพื้นฐานก็น่าจะไปด้วยกันได้
แต่ทรัมป์ก็ขู่ว่าหากเดโมแครตพยายามจะตรวจสอบเขาก็จะเจอกับการเผชิญหน้าที่เสมือนหนึ่งทำสงคราม (war-like posture) กันทีเดียว
น้ำเสียงและท่าทีของทรัมป์ไม่ได้ส่อว่าเขาพร้อมจะลดราวาศอกต่อเดโมแครตหรือสื่อมวลชนที่พยายามจะตรวจสอบเขาเลย
วันเดียวกันกับที่แถลงข่าว รัฐมนตรียุติธรรมเจฟ เซสชั่นส์ก็ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งโดยระบุเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเขาถูกประธานาธิบดีทรัมป์สั่งให้ยื่นใบลาออก
ก็เท่ากับเป็นการไล่ออกกันซึ่งหน้า
เหตุเพราะทรัมป์ไม่พอใจรัฐมนตรีคนนี้มาระยะหนึ่งแล้วที่ขอตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับการสอบสวนของอัยการอิสระโรเบิร์ท มูลเลอร์ ว่าด้วยข้อกล่าวหาว่าทรัมป์หรือคนรอบข้างมีส่วนโยงใยกับรัสเซียหรือไม่
พูดง่ายๆ คือทรัมป์เห็นว่ารัฐมนตรียุติธรรมคนนี้ไม่กระโดดลงมาช่วยเขา เอาตัวออกห่าง จึงถือว่าไม่มีความจงรักภักดี อยู่ร่วมรัฐบาลกันไม่ได้
ที่น่าสนใจคือทรัมป์ตั้งคนอาวุโสคนหนึ่งชื่อแมทธิว วิทเทกเกอร์ มาเป็นรักษาการรัฐมนตรียุติธรรมทันที ทำให้เกิดกระแสข่าวคาดการณ์ว่าทรัมป์อาจจะกำลังคิดปลดนายมูลเลอร์จากตำแหน่งอัยการอิสระที่สอบสวนเขาและพวกในเรื่องนี้โดยอาศัยมือของวิทเทกกอร์
นายวิทเทกเกอร์คนนี้เคยออกมาแสดงความเห็นคัดค้านการทำงานของนายมูลเลอร์มาก่อนหน้านี้แล้ว
หากประเมินจากถ้อยแถลงของทรัมป์ในโอกาสต่างๆ ที่ผ่านมา ทรัมป์อาจจะ “บ้าบิ่น” ถึงขั้นที่ปลดอัยการอิสระมูลเลอร์ได้ เพราะหากผลการสอบสวนออกมาส่อไปในทางที่ทรัมป์เสียหาย อาจจะโดนพรรคเดโมแครตเคลื่อนไหวให้เกิดกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนหรือ impeachment ก็ได้
เมื่อพรรคเดโมแครตมีเสียงข้างมากในสภาล่างแล้วก็ย่อมจะเดินหน้าทำเรื่อง impeachment ทรัมป์ได้ แม้ว่าในวุฒิสภาที่รีพับลิกันยังครองเสียงส่วนใหญ่อยู่นั้น จะต้องปกป้องทรัมป์อย่างสุดฤทธิ์ก็ตาม
การจะปลดทรัมป์ผ่านกระบวนการ impeachment ได้จะต้องมีเสียงเห็นพ้องไม่ต่ำกว่าสองในสามของสภาสูง ซึ่งเป็นภาพที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้
แต่เป้าหมายของเดโมแครตไม่จำเป็นต้องถึงขั้นปลดทรัมป์ได้ แค่สร้างความเสียหายเรื่องชื่อเสียงและริเริ่มการไต่สวนทรัมป์และคนรอบข้างอย่างต่อเนื่องก็มีผลทำให้โอกาสที่ทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองในปี 2020 ดับวูบได้เช่นกัน
หากพิจารณาสภาพจิตของทรัมป์จากที่ผ่านมา เขาคงจะไม่ “หายซ่า” เพียงแต่จะปรับลีลาและท่าทีให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงทางการเมืองใหม่เท่านั้น
แต่จากนี้ไปชีวิตของทรัมป์จะต้องลำบากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้เท่ากับมีระเบิดเวลาวางไว้ตลอดเส้นทางการเมืองจากนี้ไปถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสองปีข้างหน้าอย่างแน่นอน!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |