ผวากันไปตามๆ กระบะเปิดไฟสูงวิ่งสวนเลนบนทางด่วนเพลินจิตกลางดึก รถที่วิ่งถูกทางต้องรีบหลบวูบวาบ ตำรวจเช็กแล้วขึ้นมาจากช่องทางลงกำแพงเพชร 1 ก่อนเลี้ยวกลับ เตือนรีบเข้ามอบตัว ไม่งั้นเจอโทษหนัก ทั้งจำและปรับ ชี้เป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้น

    เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ สังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปพฤติกรรมของรถกระบะรายหนึ่ง เปิดไฟสูงขับย้อนศรบนทางด่วนในช่วงกลางดึก โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Nawasanai Moungkaew ผู้บันทึกภาพจากกล้องหน้ารถของตน ระบุว่า “วิ่งย้อนศรทางธรรมดาก็ว่าสุดแล้ว แต่อันนี้โคตรสุด มันมาได้อย่างไร #ประเทศกูมี #ทางด่วน #กระบะซิ่ง ระหว่างเลิกงานกำลังกลับบ้านก็เจอเฉย”
    ต่อมา นายนวศนัย? ม่วงแก้ว อายุ 30 ปี ผู้โพสต์คลิปวิดีโอ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 7 พ.ย. ตนขับรถส่วนตัวกลับจากทำงานย่านอโศก โดยขึ้นทางด่วนเพลินจิต ขณะขับมาถึงช่วงที่เป็นทางร่วมยมราช-พระราม 9 มุ่งหน้าถนนงามวงศ์วาน ปรากฏว่ามีรถยนต์กระบะคันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูงย้อนศรในช่องทางขวา พร้อมเปิดไฟสูง ทำให้ตนต้องหักหลบเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ และเนื่องจากรถคันดังกล่าวเปิดไฟสูง จึงทำให้มองไม่เห็นเลขป้ายทะเบียนได้ชัดเจน
    พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า หลังทราบเรื่องได้สั่งการให้ตรวจสอบรถคันดังกล่าวแล้ว คาดเป็นช่วงทางด่วนงามวงศ์วาน ปกติทางลงทางด่วนรถจะไม่สามารถขึ้นได้ เว้นแต่จะขึ้นทางด่วนไปแล้วกลับรถบนทางด่วน หรือถ้าขึ้นที่ทางลงทางด่วน ก็ไม่มีทางลงอยู่ดี เพราะมีด่านเก็บเงินค่าทางด่วนขาขึ้น ซึ่งการขับรถในลักษณะนี้ถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เข้าข่ายความผิดขับรถโดยประมาทและขับรถผิดช่องทาง 
    รอง ผบช.น.กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยพบแต่กรณีรถจักรยานยนต์ลักลอบขึ้นทางด่วน แต่ยังไม่เคยพบรถยนต์ขับสวนเลนบนทางด่วนมาก่อน จึงฝากผู้ขับขี่ให้ขับรถยนต์ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะบนทางด่วน เพราะรถส่วนใหญ่จะใช้ความเร็ว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
    ด้าน พ.ต.ต.กุลนันทน์ จันตุด สว.จร.กก.2 งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 2 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ช่วงเวลาประมาณ 01.30 น.ของวันที่ 7 พ.ย. รถกระบะคันดังกล่าวได้ขับขึ้นช่องทางลงทางด่วนกำแพงเพชร 1 ขึ้นมาบนทางด่วนจากถนนพระราม 6 โดยบริเวณดังกล่าวไม่มีตู้เก็บเงินเหมือนทางลงบริเวณอื่น เมื่อขึ้นมาในระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร สักครู่หนึ่งเมื่อรู้ว่าขึ้นมาผิดทาง ก็วนรถกลับไปทางเดิม ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างไล่กล้องวงจรปิดกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และบริเวณถนนด่านล่าง เพื่อติดตามตรวจสอบทะเบียนรถว่าผู้ขับขี่คนดังกล่าวเป็นใคร
    "จากการสอบถามเจ้าของคลิปดังกล่าวมีเวลาคลาดเคลื่อน เนื่องจากกล้องติดหน้ารถเจ้าของคลิปได้ตั้งเวลาไว้ประมาณ 02.19 น. แต่เวลาเกิดเหตุคือ 01.30 น. อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกเจ้าของรถมารับทราบข้อกล่าวหา ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.จราจรฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 2,000-10,000 บาท"
    พ.ต.ต.กุลนันทน์กล่าวว่า หากใครเป็นผู้ขับขี่รถกระบะคันดังกล่าว ขอให้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ กก.2 บก.จร. เพราะกรณีดังกล่าวถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก เนื่องจากถนนบนทางด่วนมีรถยนต์ที่ใช้ความเร็วค่อนข้างสูง หากขับขี่สวนทางมาอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้ ฝากเตือนให้ผู้ขับขี่ใช้ช่องทางด่วนระมัดระวัง ควรจะศึกษาทางขึ้น-ลงทางด่วนให้พร้อมระหว่างที่ใช้เส้นทางด่วนต่างๆ.