ผอ.ฉาวเข้ามอบตัวตำรวจตามนัด รับทราบ 2 ข้อหาฐานพรากผู้เยาว์และหมิ่นประมาท ขอให้การสู้คดีในชั้นศาล ชิ่งหนีนักข่าวอ้างไม่ค่อยสบาย กก.สอบวินัยร้ายแรงเดินหน้าเร่งหาข้อมูล รมว.ศึกษาฯ ชี้ต้องไม่ปล่อยให้คนทำผิดต่อเด็กลอยนวล ควรขึ้นบัญชีดำเหมือนในต่างประเทศ
    เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 มกราคมนี้ นายณฐาภพ บุญทองโท ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บัวใหญ่ ตามหมายเรียก โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งดำเนินคดีกับนายณฐาภพเบื้องต้น 2 ข้อหา ประกอบด้วย พรากผู้เยาว์เด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และข้อหาหมิ่นประมาท โดยการสอบปากคำพยานแวดล้อมและพยานบุคคลมากกว่า 20 ปาก ต่างให้ข้อมูลสอดคล้องตรงกัน ระบุพฤติกรรมของ ผอ.โรงเรียนรายนี้มักชอบแสดงพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิงหลายคนในโรงเรียน ในลักษณะแตะเนื้อต้องตัวเด็กนักเรียนหญิงจนเกินเลยมากกว่าการเอ็นดูเด็ก 
    ส่วนความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ในวันนี้พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถแจ้งดำเนินคดีกับนายณฐาภพได้ เนื่องจากต้องใช้เวลารวบรวมหาพยานหลักฐาน และต้องสอบปากคำนักเรียนหญิงชั้น ม.2 วัย 14 ปี ที่ตกเป็นข่าวคบหากับ ผอ.โรงเรียนรายนี้ก่อน ซึ่งหากมีพยานหลักฐานเพียงพอจึงจะสามารถแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปีเพิ่มเติมกับ ผอ.โรงเรียนรายนี้ได้
    หลังพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายณฐาภพเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ก็ได้ปล่อยตัวนายณฐาภพกลับไป เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาได้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ซึ่งนายณฐาภพได้เดินหลบกลุ่มผู้สื่อข่าวจำนวนมากออกทางประตูด้านหลังโรงพัก กลุ่มผู้สื่อข่าวได้วิ่งตามไปสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น แต่นายณฐาภพได้โบกมือปฏิเสธ พร้อมกับบอกว่า ไม่มีอะไร ตนไม่ค่อยสบาย และกำลังจะกลับไปทำงานต่อ
    นายสุนทร แสงอรุณ ทนายความของนายณฐาภพ เปิดเผยว่า นายณฐาภพได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อหา และให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยขอไปให้การในชั้นศาล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดไปให้ปากคำอีกครั้งภายในเดือนมีนาคมนี้
    อีกด้านหนึ่งที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา นายสุวิทย์ ศรีฉาย รักษาราชการแทนศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่สอบสวนวินัยร้ายแรง และเจ้าหน้าที่ศูนย์เสมารักษ์ ร่วมกันเดินทางไปพบผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรายงานข้อมูลการดำเนินการในเรื่องนี้ ก่อนรายงานไปยังปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา 
    นายสุวิทย์เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงได้ลงพื้นที่เร่งรวบรวมข้อมูลให้รอบด้านและรอบคอบ ทำงานด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมา ซึ่งคงต้องให้เวลาเขาได้ทำงานก่อน โดยตนเองได้เซ็นคำสั่งพักราชการนายณฐาภพตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 30 ม.ค. โดยให้มีผลทันที และได้รายงานต่อ ดร.ดุริยา อมตวิวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ลงพื้นที่ตรวจราชการพอดี
    นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีผู้อำนวยการโรงเรียนมีความสัมพันธ์กับนักเรียนหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ว่า คนที่เป็น ผอ.โรงเรียนทุกคน คือมนุษย์ที่ต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าคนอื่น การที่ ผอ.โรงเรียนมีพฤติกรรมในลักษณะนี้ ถือว่าผิดจรรยาบรรณและมาตรฐานวิชาชีพ รวมถึงผิดกฎหมายและผิดในความเป็นมนุษย์อีกด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ก็มีการจัดการขั้นเด็ดขาด โดยเฉพาะการถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และตนมองว่าการกระทำลักษณะนี้ยังมีอีกเยอะ เพียงแต่ตนไม่มีข้อมูล ก็ฝากให้ทุกคนช่วยกันเปิดโปง ส่วนจะมีมาตรการอะไรนั้น ตนมองว่าในส่วนของ ศธ.ก็มีการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบราชการอยู่แล้ว ดังนั้นการแก้ปัญหาหรือการใช้มาตรการที่เข้มข้นนั้นคงไม่ใช่แค่จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่เป็นหน่วยงานของครูเพียงอย่างเดียว แต่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันดำเนินการ
    “ในต่างประเทศมีระบบที่เรียกว่าระบบปกป้องเด็ก คือถ้ามีผู้กระทำผิดต่อเด็กและเยาวชนจะไม่มีการปล่อยให้คนพวกนี้ลอยนวล และจะถูกขึ้นบัญชีดำเป็นผู้ละเมิดเด็กและเยาวชนของประเทศด้วย ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าประเทศไทยจะมีการขึ้นบัญชีดำแบบต่างประเทศหรือไม่” รมว.ศธ.กล่าว.