เหตุผลหลักในการ ฟักไข่-พรรคไทยรักษาชาติ ที่มี ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.ขอนแก่น เพื่อไทย ลูกชายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมช.มหาดไทย อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยและเจ๊เบียบ ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช อดีต ส.ว.ขอนแก่น เป็นหัวหน้าพรรค โดยมี มิตติ ติยะไพรัช เสี่ยฮั่น ผู้ก่อตั้งและประธานสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด-บุตรชาย ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาฯ เป็นเลขาธิการพรรค

      ที่ฝ่ายทักษิณ ชินวัตร และแกนนำเพื่อไทย ผ่านการปรึกษาหารือและวางดีลโดยแกนนำเพื่อไทยหลายคน เช่น  เสี่ยเพ้ง พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล–เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช –พายัพ ชินวัตร ที่วาง Positioning การเมืองให้ไทยรักษาชาติเป็น พรรคเครือข่าย-พรรคพันธมิตรหลัก ของเพื่อไทยในช่วงเลือกตั้ง

      เป้าหมายหลักก็คือ หวังให้ไทยรักษาชาติเป็นพรรคเครือข่ายไปคอยเก็บคะแนนเสียงในแต่ละเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ เพื่อให้ไทยรักษาชาติได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ในสัดส่วนที่พรรคตั้งเป้าไว้ประมาณ 20-30 เก้าอี้ เพื่อมาทดแทนเก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์ที่เพื่อไทยจะได้ลดน้อยลงจากผลพวงระบบเลือกตั้งแบบใบเดียวนับทุกคะแนนเสียง ที่แกนนำเพื่อไทยประเมินกันว่ามีความเป็นไปได้ที่เพื่อไทยจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลดลงไปร่วม 30-40 เก้าอี้ คืออาจได้ไม่ถึง 15 ที่นั่งด้วยซ้ำ แต่จะถึงขั้นอาจไม่ได้เลยอย่างที่นักรัฐศาสตร์หลายสำนักวิเคราะห์ คนเพื่อไทยยังไม่เชื่อถึงขั้นนั้น

      ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการทำไทยรักษาชาติที่แปรสภาพมาจากไทยรวมพลัง เพื่อให้มาเป็นพรรคเครือข่ายเพื่อไทย ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น บนเป้าหมายคือเก็บทุกเสียงให้ได้เก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อมาเป็นกองหนุนให้เพื่อไทยหลังเลือกตั้งในการผนึกกันตั้งรัฐบาล

      นอกนั้น ก็มีเป้าหมายรองอื่นๆ เช่น เมื่อบางคนเกรงว่าอาจมีการยุบพรรคเพื่อไทย แม้แกนนำพรรคประเมินแล้ว โอกาสที่จะเกิดขึ้นในการยุบตอนก่อนวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง คือหลังมีการสมัคร ส.ส.กันไปแล้ว เป็นไปได้ยากมาก เพราะขั้นตอนการยุบพรรคใช้เวลานาน กว่าจะไปจาก กกต.จนถึงศาลรัฐธรรมนูญ อย่างน้อยเร็วสุดก็ประมาณ 4-5 เดือน ..โอกาสจะยุบพรรคเพื่อไทยก่อนวันออกเสียงเลือกตั้ง หากเลือกตั้งเดือน ก.พ.2562 จึงแทบเป็นไปไม่ได้ แต่การเกิดขึ้นของไทยรักษาชาติ ก็เป็นการทำพรรคสำรองที่เป็นพรรคจริง เสียงจริง หาใช่พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ อย่างที่เข้าใจกัน เพื่อเอาไว้เป็นพรรคอะไหล่ เผื่อไว้หากเกิดเหตุไม่คาดคิดทางการเมืองตอนหลังเลือกตั้ง ก็จะได้เตรียมการรองรับได้ทันท่วงที

      ตลอดจนยังเป็นการเคลียร์ปัญหาในเพื่อไทยอีกหลายปม เช่น กรณีผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทยในระบบเขตมีล้น เพราะพวกปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทยที่เกรงหากลงปาร์ตี้ลิสต์ต่อไปแล้วอันดับต่ำกว่า 15 คนแรก ก็เกรงจะไม่ได้ ส.ส. เลยจะขอลง ส.ส.เขตเพื่อไทย แต่ก็ลงไม่ได้เพราะพื้นที่เต็ม หลังมีข่าวว่าบางเขตเช่นที่อีสาน เหนือ ตอนนี้มีทั้งอดีต ส.ส.เดิมและคนที่ขอลงใหม่ บางเขตมีร่วม 4-5 ชื่อ วันนี้เมื่อมีไทยรักษาชาติเกิดขึ้น มันก็สามารถโยกคนไปลงไทยรักษาชาติได้ แล้วก็แข่งกันไป เก็บคะแนนกันทุกเม็ด คะแนนไม่ไหลไปฝ่ายตรงข้าม มันก็เป็นผลดีกับทั้งเพื่อไทยและไทยรักษาชาติ

      และยังเป็นเรื่องของการสร้าง-เปิดพื้นที่ใหม่ทางการเมืองให้กับคนที่ไม่พอใจกับสภาพที่เกิดขึ้นในเพื่อไทยตอนนี้ ที่ เจ๊หน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กำลังขึ้นมามีบทบาทนำในเพื่อไทย ทั้งการเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ที่คุมภาพรวมทั้งหมดของเพื่อไทยในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังเป็นกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของเพื่อไทยด้วยอีกหนึ่งตำแหน่ง

      เมื่อความคับข้องใจดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะรับไม่ได้ที่จะต้องทำงานร่วมกับเจ๊หน่อย ที่กำลังลุ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย คนเพื่อไทยทั้งรุ่นใหญ่-รุ่นเล็ก เลยออกจากเพื่อไทย รวมถึงส่งคนของตัวเองไปสร้างนั่งร้านไว้ที่ไทยรักษาชาติกันหลายกลุ่ม

      ไม่ว่าจะเป็น สายเสี่ยเพ้ง-สายพี่น้องชินวัตร ทั้งปีกของเจ๊แดง-พายัพและยิ่งลักษณ์–สายเสริมศักดิ์-ยงยุทธ ติยะไพรัช จึงต่างส่งคนไปสร้าง อาณาจักรใหม่การเมือง ที่พรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งภาพที่เห็นคนเพื่อไทย-สุดารัตน์ คงปฏิเสธความจริงได้ยาก

      เพราะอย่าง สายพี่น้องชินวัตร ก็เห็นชัดว่าส่งคนไปนั่งเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ-คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของไทยรักษาชาติหลายคนอาทิ ฤภพ ชินวัตร ลูกชายพายัพ ชินวัตร น้องทักษิณ-น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ลูกสาวเยาวเรศ ชินวัตร น้องทักษิณ หลานรักยิ่งลักษณ์-พิชิต ชื่นบาน ทนายความทักษิณ อดีตทีมงานหน้าห้องของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทำเนียบรัฐบาล- คณาพจน์ โจมฤทธิ์ เพื่อนสนิท น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ และยังมีข่าว โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ก็จะส่งคนในกลุ่มก๊วนลงสมัคร ส.ส.ไทยรักษาชาติอีกหลายคนด้วย–วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต รมว.ศึกษาธิการและอดีต ส.ส.แพร่หลายสมัย นักการเมืองคนสนิทของเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์-น.ส.สุทิษา ประทุมกุล อดีตสื่อมวลชน อดีตเจ้าหน้าที่ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย เลขานุการส่วนตัวของยิ่งลักษณ์สมัยเป็นนายกฯ เป็นต้น

      หรือสาย เสี่ยเพ้ง-พงษ์ศักดิ์ ไม่ว่าจะเป็น พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ที่อยู่เบื้องหลังการร่วมตั้งพรรคไทยรักษาชาติ-วิม รุ่งวัฒนจินดา อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย-สุณีย์ เหลืองวิจิตร อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นักการเมืองคนสนิทเสี่ยเพ้ง-กฤษณา สีหลักษณ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต ส.ส.อุตรดิตถ์ เป็นต้น

      นอกจากนี้ แกนนำเพื่อไทยก็ให้ความสำคัญกับการสร้างแบนด์ของไทยรักษาชาติ ให้เป็นพรรคที่ไปตอบโจทย์ คนรุ่นใหม่ ที่รับไม่ได้กับการที่เพื่อไทยมีคนชราอย่าง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นหัวหน้าพรรค มีเจ๊หน่อย-สุดารัตน์จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์หนึ่งของเพื่อไทย ที่หากไปเทียบกับพรรคอื่นๆ อย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากประชาธิปัตย์ หรือธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  จากอนาคตใหม่ จะทำให้เพื่อไทยมีจุดบอดกับฐานเสียงกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ ที่อยากเลือกฝ่ายที่ไม่เอา คสช.อย่างสายเพื่อไทย แต่ไม่เอาอนาคตใหม่

      ดังนั้น การดันปรีชาพลในวัยไม่ถึง 40 ปี เป็นหัวหน้าพรรค แล้วมีประธานสโมสรเชียงรายยูไนเต็ด อย่างมิตติ ติยะไพรัช ที่เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ สามารถทำทีมฟุตบอลของตัวเองจนขึ้นมาอยู่แถวหน้าๆ ของวงการไทยพรีเมียร์ลีก กลายเป็นทีมชั้นนำที่คนภาคเหนือภาคภูมิใจ ก็น่าจะนำไปหาเสียงกับคนภาคเหนือและกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ ได้พอสมควร

      เหตุผลทั้งหมดข้างต้น ทั้งเรื่องทำพรรคไทยรักษาชาติ เพื่อเอาเก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์มาอุดช่องโหว่ของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ขั้วพันธมิตรเพื่อไทยเติมเต็ม ได้ ส.ส.หลังเลือกตั้งมากที่สุด–การแก้ปัญหาเรื่องผู้สมัคร ส.ส.ในเพื่อไทยเต็ม-ล้น ก็ให้ระบายมาอยู่กับไทยรักษาชาติ–การเปิดพื้นที่ใหม่ให้กับคนที่ไม่เอาเจ๊หน่อย ของพวกคนในเพื่อไทย และการหวังคะแนนเสียงกับคนรุ่นใหม่   

      ทั้งหมดจึงเป็น สารตั้งต้น-เหตุผลการเมือง ที่ทำให้ มีการทำคลอดพรรคไทยรักษาชาติออกมา

      ภายใต้คำประกาศของ รท.ปรีชาพล-หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ที่ประกาศหลังได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคว่า

       “พรรคพร้อมรับใช้ประชาชน ประเทศชาติ เน้นการนำนโยบายเกี่ยวกับเทคโนโลยี ยกระดับคุณภาพประชาชน เราจะรวบรวมความคิดคนรุ่นใหม่ คนทุกรุ่น คนรุ่นใหม่ที่มาร่วมงานต่างมีความคิดคล้ายคลึงกันที่จะช่วยเติมเต็มให้สังคม จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จับมือกัน ไม่ทิ้งกัน เพราะโลกก้าวไกล ไทยต้องก้าวทัน”

      จังหวะเดินของพรรคไทยรักษาชาติกับภาพที่ถูกมองเป็นพรรคเครือข่าย-นอมินีของเพื่อไทย นับจากนี้ จะเป็นอย่างไร จะเป็นแค่พรรคเฉพาะกิจอย่างที่ถูกปรามาสหรือไม่ เส้นทางนี้ยังต้องรอพิสูจน์.