ปี 2561 นี้ หลายคนคงสงสัยกันว่าเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ซึ่งตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีความคืบหน้าหลายอย่างที่ทำให้ทุกอย่างโดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นความชัดเจนในการลงทุนโครงการบึ๊กบึ้ม หรือโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐที่คาดว่าจะมีการเร่งลงทุนกันมากขึ้น รวมไปถึงความเป็นไปได้ที่ในสิ้นปีนี้จะเห็นความเป็นไปได้ในการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจอย่างเช่นในพื้นที่อีอีซี
    ในส่วนของภาคเอกชนเอง เมื่อเห็นสัญญาณบวกในทิศทางที่ดีก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะเกิดความเชื่อมั่น เดินหน้าการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาการพัฒนาหรือการเปิดตัวโครงการยังจะไม่หวือหวามากนัก แต่หลังจากความชัดเจนในการเตรียมการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจอีอีซี ยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก
    นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการเกิดความมั่นใจและเตรียมแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ นั้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากความชัดเจนในการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง ยิ่งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือตามไปด้วยนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนอกจากความมั่นใจจากเรื่องการเลือกตั้งแล้ว การที่ภาครัฐมีแผนขยายเส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะการพัฒนาส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายต่างๆ ยิ่งเป็นการสร้างแรงหนุนให้เกิดการพัฒนาโครงการใหม่ตามไปด้วย
    ซึ่งการพัฒนาส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้า เชื่อว่าจะเป็นการเปิดหน้าดินในทำเลใหม่ๆ ในหลากหลายทำเล ยิ่งทำให้ตลอดเส้นทางการพัฒนามีผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น ทำเลย่านบางนา-ตราดเป็นพื้นที่ที่การพัฒนาคอนโดมิเนียมพักอาศัยมีศักยภาพในการขยายตัวและเติบโตได้ดี เป็นทำเลที่ตอบสนองความต้องการของคนทำงานในบางนา บางพลี บางบ่อ และชลบุรี มีโครงการพัฒนาทั้งของเอกชนและของรัฐเกิดขึ้นหลายโครงการ
    และยังเป็นการเพิ่มศักยภาพและมูลค่าของทรัพย์สินในอนาคต ประกอบด้วย โครงการแบงค็อก มอลล์ เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่พาณิชยกรรมขนาดใหญ่ หรือศูนย์การค้าแบบรีจีนัลมอลล์ขนาดใหญ่ มีพื้นที่โครงการทั้งหมด 100 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวมอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท พื้นที่รวมทั้งโครงการ 650,000 ตารางเมตร โดยมีกำหนดการก่อสร้างภายในครึ่งปีหลังของปีนี้ 2561 และกำหนดเปิดให้บริการภายใน 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้เมื่อเปิดให้บริการแล้วจะเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    นอกจากนี้ยังมีสถานีขนส่งผู้โดยสารสายตะวันออกที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับศูนย์การค้าบนพื้นที่กว่า 7 ไร่ โดยจะย้ายสถานีขนส่งเอกมัยเดิมทั้งหมดมารวมอยู่ที่นี่ รองรับกลุ่มผู้โดยสารที่จะเดินทางไปภาคตะวันออก ส่วนโครงการเมกาซิตี้บางนา เตรียมยกระดับโครงการเป็น Mixed-use Development - Phrase 2 ด้วยงบลงทุนกว่า 67,000 ล้านบาท โดยผนวกศูนย์การค้า “เมกาบางนา” รวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ โดยการพัฒนาเฟสสองจะประกอบด้วยศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม 2 แห่ง คอนโดฯ พักอาศัยพร้อมทั้งเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะบนพื้นที่ทั้งหมด 400 ไร่
    ในส่วนของทางด้านส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยเฉพาะสถานีบางหว้า ซึ่งผู้ประกอบการให้ความสนใจกับพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้ามาก่อนหน้านี้หลายปีแล้วตั้งแต่ก่อนที่สถานีบางหว้าจะเปิดให้บริการปี 2556 เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ข้ามสะพานตากสินมาถึงสถานีบางหว้านั้นเสร็จสมบูรณ์มาหลายปี ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงมั่นใจว่าอย่างไรก็ตามสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าจะต้องเปิดให้บริการแน่นอนในอนาคต จึงมีผู้ประกอบการบางรายเข้ามาหาซื้อที่ดินและเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมกันก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่มีจำนวนไม่มากนักและเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายไม่สูงมากนัก
    และภายหลังจากการเปิดให้บริการแบบสมบูรณ์ของสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าในช่วงปลายปี 2556 จึงเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากขึ้นและต่อเนื่องแบบเห็นได้ชัด เพียงแต่ที่ดินรอบๆ สถานีรถไฟฟ้าบางหว้ามีไม่มากนัก โดยเฉพาะที่ดินที่อยู่ในแนวถนนเพชรเกษม เพราะเป็นอาคารพาณิชย์ตลอดทั้ง 2 ฝั่ง ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมที่เปิดขายแล้วก่อนหน้านี้สะสมอยู่ในพื้นที่อยู่ประมาณ 5,087 ยูนิต โดยมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในปี 2561 มากที่สุดคือประมาณ 1,451 ยูนิต มากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
    ทั้งนี้คาดว่าเมื่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเปิดให้บริการในปี 2562 จะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากขึ้นแน่นอน และนี้เป็นเพียงแค่สองเส้นทางส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเท่านั้น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีการลงทุนมากขนาดนี้ ลองคิดดูว่าถ้าเปิดครบทุกเส้นทางจะมีการพัฒนาโครงการกันมากขนาดไหน ต้องคอยติดตามต่อไปครับ.