สำนักงานแข่งขันฯ ระบุ ร้านสะดวกซื้อขายจานด่วน 24 ชม.ไม่ผิดกฎหมาย แต่ให้ใช้จรรยาบรรณทางสังคมทบทวนทำธุรกิจ แต่หากใช้อำนาจเหนือตลาดกลั่นแกล้งมีความผิดแน่

นายวิชัย โภชนกิจ  อธิบดีกรมการค้าภายใน  ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า  เปิดเผยว่า กรณีที่ร้านสะดวกซื้อรายหนึ่งมีแผนจะเปิดขายอาหารตามสั่งตลอด 24 ชม. นั้น อยากแนะนำให้ผู้ประกอบการที่จะทำธุรกิจควรคำนึงถึงจริยธรรมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจไปด้วย เพราะบางกรณีแม้ว่าจะไม่ผิดต่อพ.ร.บ.การแข่งขันการค้า พศ. 2560 สามารถประกอบธุรกิจได้ แต่การทำธุรกิจต้องคำนึงถึงสังคม ซึ่งเป็นเรื่องของจรรยาบรรณหรือจริยธรรมทางสังคมในการประกอบธุรกิจด้วย

“ในแง่ของการประธุรกิจแม้จะไม่ผิดกฎหมายแข่งขันทางการค้า สามารถประกอบธุรกิจได้ตามปกติ แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่ควรมองแค่ในด้านกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงจรรยาบรรณทางสังคมควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ทุกรายอยู่ร่วมกันได้ ไม่ได้รับความเดือดร้อน และไม่ใช้อำนาจเหนือตลาดในทางที่ไม่เป็นธรรม หรือกลั่นแกล้งรายอื่น” นายวิชัย กล่าว  

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการประกอบธุรกิจขายอาหารตามสั่งของร้านสะดวกซื้อจะไม่ผิดกฎหมายแข่งขันทางการค้า แต่หากมีการเปิดจริง จะต้องมีการลงไปดูถึงพฤติกรรมว่ามีการใช้อำนาจเหนือตลาดในลักษณะของการกลั่นแกล้งรายอื่น หรือเอาเปรียบรายอื่นหรือไม่ เช่น กำหนดราคาขายต่ำกว่ารายอื่นมาก เพื่อกำจัดคู่แข่งขันในตลาด หากพบกรณีดังกล่าวสามารถร้องเรียนมายังสำนักงานแข่งขันทางการค้า เพราะจะเข้าข่ายเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 50 ของพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 มีโทษอาญาคือจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำผิด

นอกจากนี้ สำนักงานแข่งขันทางการค้ายังสามารถใช้อำนาจทางปกครองสั่งให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว หากไม่หยุดจะมีโทษปรับ 6 ล้านบาท และสั่งปรับรายวันอีกวันละ 3 แสนบาทกรณีที่ไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว  

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรมช.พาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงภาคเอกชนรายใหญ่แห่งหนึ่ง ว่า การทำธุรกิจการค้าต้องคิดเอื้ออาทร และแบ่งปัน ไม่ใช่คิดแต่กำไร คิดใหญ่คิดโต หวังกินรวบผูกขาด ตายไปบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้  พร้อมกันนี้ยังระบุว่า การขยายร้านสะดวกซื้อ เป็นหมื่นสาขา และเปิดขายอาหารตามสั่ง ขายกาแฟ จะทำให้กิจการโชห่วยร้านชำ หาบเร่แผงลอย ร้านขายกับข้าว ร้านกาแฟ  ตามห้องแถวตามท้องถนนต้องเจ๊ง ต้องหมดอาชีพ ซึ่ง เงินในท้องถิ่นชุมชนที่เคยหมุนเวียนเลี้ยงดูรากหญ้า ก็ถูกดูดไปหมดจนฝืดเคืองโดยทั่วไป
อย่างไรก็ดี นายอลงกรณ์ ยังระบุด้วยว่า การทำธุรกิจการค้าในประเทศ ต้องเห็นอกเห็นใจผู้ค้ารายเล็ก ให้พวกเขาพออยู่พอกินเลี้ยงครอบครัวได้บ้าง ดำเนินธุรกิจการค้าในรูปแบบที่เหมาะสม พอดีพอควร เพราะเราคือคนไทยด้วยกัน

พร้อมทิ้งท้ายว่า "แต่ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลง วันใดผมมีอำนาจคุณจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดคำว่าเสียใจ"