"คลัง" จัดงบปี 62 เคาะ 4.29 แสนล้านบาทดูแลสุขภาพประชาชนรับสังคมผู้สูงอายุ พร้อมจับมือเอกชนหามาตรการดูแลสุขภาพคนแก่แบบครบวงจร หวังช่วยลดภาระงบการคลังของประเทศ
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รมช.การคลัง) กล่าวถึงการตั้งงบประมาณปี 2562 ว่า มีการตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ 2562 เพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งระบบจำนวน 4.29 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 14.3% ของงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีผู้สูงอายุถึง 10% และจะเพิ่มขึ้นเป็นสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทำให้ภาระการคลังของประเทศสูงขึ้นตามไปด้วย
ปัจจุบันมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐปี 2561 ที่ต้องดูถึงการวางแผนการคลังในระยะยาว ซึ่งเรื่องภาระงบประมาณเพื่อดูแลสังคมผู้สูงอายุก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ต้องนำมาพิจารณา เพื่อให้วินัยการเงินการคลังของประเทศไม่มีปัญหา" นายวิสุทธิ์กล่าว
รมช.การคลังกล่าวว่า สำหรับแผนการลดภาระงบประมาณทางการคลังในอนาคตประกอบด้วย 4 แนวทาง โดยแนวทางที่ 1 ต้องเร่งสร้างบุคลากรดูแลผู้สูงอายุที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่ผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในโรงพยาบาลให้แพทย์และพยาบาลดูแลเป็นภาระเพิ่มขึ้น และจะได้นำเวลาดังกล่าวไปช่วยดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีความจำเป็นมากกว่า แนวทางที่ 2 รัฐบาลต้องเร่งให้ความรู้แก่ประชาชน ในการดูแลรักษาสุขภาพตัวเองเบื้องต้นให้ดี โดยรัฐบาลจะใช้ช่องทางของอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน ส่งข้อมูลหรือคลิปวิดีโอในการดูแลรักษาสุขภาพเบื้องต้นที่จำเป็นให้ชาวบ้านได้ดูและปฏิบัติตาม
3.รัฐบาลต้องพิจารณาให้แรงจูงใจแก่ประชาชนที่ดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพื่อที่จะไม่เจ็บป่วยง่ายและไม่ต้องมารักษาพยาบาลทำให้รัฐบาลมีภาระรายจ่าย ซึ่งมีตัวอย่างของประเทศสิงคโปร์ที่ดีมาก โดยมีการแจกนาฬิกาตรวจการออกกำลังกาย เช่น หากสามารถเดินได้วันละ 1 หมื่นก้าว ก็สามารถมารับเงินจากรัฐบาลได้ เป็นต้น และ 4.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน (พีพีพี) ในการจัดทำศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุแบบครบวงจร ซึ่งมีสถานพยาบาล 7-8 แห่งสนใจที่จะทำพีพีพี มูลค่ากว่า 1.4 พันล้านบาท โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กำลังพิจารณารายละเอียดโครงการ ทำให้ช่วยลดภาระงบประมาณได้อีกช่องทางหนึ่ง
"การดูแลสุขภาพประชาชนและเตรียมรับสังคมผู้สูงอายุ ถือว่ามีการดำเนินการให้ดีขึ้นมาตลอดให้ครอบคลุมทุกคน มีการให้บริการเรื่องการป้องกันรวมถึงการรักษา โดยให้มีความยั่งยืนทางการคลัง ขณะนี้การดูแลผู้สูงอายุของไทยมี 3 ส่วน 1.ข้าราชการรวมถึงบุคคลในครอบครัวที่เกี่ยวข้องโดยตรง 4 ล้านคน 2.ระบบประกันสังคม 12 ล้านคน และ 3.ผู้ที่อยู่ในระบบบัตรทองรักษา 30 บาท อีก 48 ล้านคน ซึ่งครอบคลุมคน 97.5% ของคนทั้งประเทศ" รมช.การคลังกล่าว
นายวิสุทธิ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีรายจ่ายดูแลรักษาคนต่างสัญชาติที่อยู่ชายขอบของประเทศอีกปีละ 5 แสนคน เป็นค่าใช้จ่ายปีละ 1.3 พันล้านบาท โดยภาระการคลังโดยรวมอยู่ที่ปีละ 13-14% ของงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด หรือ 2.5% ของจีดีพี เป็นภาระที่เอกชนต้องจ่าย 23% และรัฐบาลต้องจ่าย 77% ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ สัดส่วนจะอยู่อย่างละ 50%.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |