ทรัมป์หาเสียงด้วยคำสั่งให้ ทหารยิงใส่คนปาหิน!


เพิ่มเพื่อน    


    การเลือกตั้งกลางเทอม หรือ midterm elections ของสหรัฐวันนี้ (พรุ่งนี้ของเวลาอเมริกา) กำหนดความเป็นความตายทางการเมืองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงขั้นที่เขาพูดและทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้พรรครีพับลิกันสูญเสียเสียงส่วนใหญ่ในสภาคองเกรสทั้ง 2 สภา
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีผิว, ต่างชาติ, ผู้อพยพและการโยนความผิดทุกเรื่องไปยังพรรคเดโมแครต และกล่าวหาสื่อหลักว่าเป็น “ศัตรูของประชาชน”
    ถึงขนาดที่ต้องประกาศว่าจะส่งทหาร 15,000 คน ไปประจำการที่ชายแดนด้านเม็กซิโกทางใต้ เพื่อสกัดกั้นคาราวานผู้ลี้ภัยจากอเมริกากลางหลายพันคนที่ยังอยู่ห่างออกไปอีกเป็นพันกิโลเมตร
    เขาเรียกขบวนผู้คนที่หนีตายจากบ้านตัวเองเพื่อขอที่พักพิงว่าเป็นการ “รุกราน” อเมริกา
    ไม่แต่เท่านั้น ทรัมป์ยังบอกให้ทหารยิงปืนใส่ผู้อพยพหากมีการปาหินใส่ผู้รักษากฎหมาย
    “ผมให้ทหารเราถือว่าการปาหินเท่ากับเป็นการใช้อาวุธสู้กับทหาร ให้ถือว่าหินก็คือปืนไรเฟิล เมื่อพวกนั้นขว้างปาก้อนหินแบบที่ทำกับทหารและตำรวจเม็กซิกัน ก็ให้ถือว่ามันคือไรเฟิล” ทรัมป์พูดหน้าตาเฉย
    ผ่านไปไม่ถึงวัน เขาก็ถอนคำพูดนั้น เพราะรู้ว่าวาทะอย่างนั้นเป็นเรื่องที่ผู้คนไม่อาจจะยอมรับได้เป็นอันขาด
    ไม่แต่เท่านั้น ทรัมป์ยังบอกว่า ถ้าคนเหล่านี้ไม่หยุดตรงชายแดนและถอยกลับออกไป ก็จะจับใส่เทนต์ตรงชายแดน โดยจะไม่ยอมให้เข้าประเทศเด็ดขาด
    “ผมจะสร้างเมืองเทนต์ตรงแนวชายแดนขึ้นมา” ทรัมป์ประกาศโดยที่ไม่ได้ปรึกษาหารือกับใครที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น
    วันต่อมาทรัมป์ก็เปลี่ยนท่าที บอกว่าเขาสั่งไม่ให้ทหารยิงใส่ผู้อพยพเหล่านี้แล้ว
    ไม่มีเหตุผลสำหรับคำประกาศแรก และไม่ให้เหตุผลสำหรับการบอกเลิกคำสั่งนั้นในเวลาต่อมาเช่นกัน
    เหตุผลมีประการเดียว ทรัมป์ต้องการชูนโยบายแข็งกร้าวต่อต้านคนเข้าเมือง เพราะเชื่อว่าจะโดนใจฐานเสียงของเขาที่ส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาวชนชั้นกลางถึงล่าง
    คนเหล่านี้ยังมองว่าคนผิวดำ, ผิวเหลือง (จากเอเชีย, จีนและอินเดีย) และผิวน้ำตาล (จากอเมริกากลางและใต้) เข้ามาแย่งงานและทรัพยากรเจ้าของประเทศ 
    ทั้งๆ ที่ประเทศสหรัฐเติบใหญ่เป็นมหาอำนาจได้ก็เพราะคนอพยพจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากยุโรปในช่วงสร้างบ้านสร้างเมือง 
    จะว่าไปแล้ว “เจ้าของประเทศ” ที่แท้จริงของสหรัฐอเมริกาก็คือชาวอินเดียนแดงนั่นเอง
    คนผิวขาวที่ปกครองประเทศขณะนี้คือ “ผู้รุกราน” ต่างหาก
    แต่ทรัมป์ไม่สนใจข้อเท็จจริงของประวัติศาสตร์ เขาต้องการเพียงแต่ให้ได้คะแนนเสียงเพื่อทำให้เขาอยู่ในอำนาจต่อไป
    เสียงจากผู้คนเหล่านี้มีความสำคัญในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นรีพับลิกันมากกว่าเดโมแครต เพื่อยังมีเสียงส่วนใหญ่ที่จะลงมติเข้าข้างทรัมป์ในทุกกรณี
    การทำสงครามการค้ากับจีนก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทรัมป์ต้องการให้ฐานเสียงของเขาเห็นว่าเขาคือผู้ปกปักรักษาผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมสหรัฐด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพื่อลดการเสียดุลการค้าที่มีมายาวนาน
    แต่สาเหตุของเรื่องนี้มิใช่เป็นเพราะสหรัฐเสียเปรียบคู่ค้าอื่น หากแต่เป็นเพราะอเมริกาเองใช้งบประมาณทางทหารด้วยการเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของประเทศต่างๆ ทั่วโลก แทนที่จะใช้เงินปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน
    เมื่อจีนโต้กลับด้วยการขึ้นภาษาสินค้านำเข้าจากสหรัฐด้วยยุทธศาสตร์ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” โดยพุ่งเป้าไปที่รัฐที่เป็นฐานเสียงของทรัมป์ ก็ทำให้ผู้คนในอเมริกันจำนวนไม่น้อยเดือดร้อนและเริ่มจะเรียกร้องให้ทรัมป์ยกเลิกการเปิดศึกการค้ากับจีน
    ก่อนเลือกตั้งกลางเทอมไม่กี่วัน ทรัมป์ก็ประกาศนโยบาย “ไอ้เสือถอย” โดยอ้างว่าได้โทรศัพท์คุยกับสีจิ้นผิงของจีน และกำลังจะหาทางทำข้อตกลงใหม่เพื่อยุติสงครามการค้า
    เห็นไหมว่าทรัมป์สามารถพลิกลิ้นได้ชั่วข้ามคืน โดยไม่สามารถจะอธิบายได้ว่าเหตุไฉนก่อนหน้านี้จึงยืนหยัดว่าทิศทางของตนถูกต้อง ทั้งๆ ที่ถูกคัดค้านมากมายหลายแหล่งทั้งในและต่างประเทศ แต่พอแนวทางของตนทำให้เกิดความเสียหายให้กับอเมริกาเอง ก็ถอยกรูดอย่างไม่เป็นท่า
    ทรัมป์ซัดว่าสื่อมวลชนกระแสหลักคือ “ศัตรูที่แท้จริงของประชาชน” เพราะสื่อเหล่านั้นเปิดโปงเรื่องโกหกมดเท็จของทรัมป์อย่างต่อเนื่อง 
    ทรัมป์อ้างว่าสื่อเหล่านั้นเอียงซ้าย เข้าข้างเดโมแครต และจงใจบิดเบือนข่าวสารเพื่อจะทำลายเขา
    พรุ่งนี้ก็จะรู้หมู่รู้จ่า...เมื่อผลการเลือกตั้ง ส.ส. 435 คนทั่วประเทศ และ ส.ว. 35 คน จากทั้งหมด 100 คน ออกมาให้ทั้งโลกได้พิจารณาว่าจะยังคบกับทรัมป์ต่อไปเหมือนเดิมหรือไม่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"