ภายหลังจากที่มีข่าวลือออกมาได้ 2 ปี ล่าสุดดูเหมือนจะมีเอกสารที่อ้างว่าเป็นหลักฐานยืนยัน เปิดเผยโดย ฟุตบอล ลีคส์ ว่า สโมสรชั้นนำของอังกฤษ 5 ทีม ได้เคยมีการหารือเตรียมเข้าร่วมศึก ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก ที่จะเป็นลีกการแข่งขันรายการใหม่ในอนาคตสำหรับ 16 ทีมท็อปของยุโรปเท่านั้น ซึ่งมีการระบุว่า บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส, บาเยิร์น มิวนิค, เปแอสเช และ เอซี มิลาน ตกลงโอเคด้วยแล้ว อย่างไรก็ตาม แต่ละสโมสรพากันปฏิเสธพัลวันไม่เกี่ยวข้องใดๆกับโปรเจคต์นี้อย่างที่เป็นข่าว
เรื่องราวทั้งหมดเป็นบทความที่ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ทาง แดร์ สปีเกิล นิตยสารข่าวในเยอรมนี เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา อ้างว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, ลิเวอร์พูล และ อาร์เซนอล จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของลีกการแข่งขันระดับอีลีทรายการนี้ ซึ่งคาดว่าแฟนลูกหนังจะได้เห็นกันอย่างเร็วคือปี 2021 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า
ส่วนทีมร่วมก่อตั้งทีมอื่นๆ ที่ถูกพูดถึงในเนื้อความ คือ เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค, ยูเวนตุส, เปแอสเช และ เอซี มิลาน โดยจะมีเพิ่มเติมเข้ามาอีก 5 ทีม ระบุเบื้องต้นว่าจะเป็นทีมที่จะเชิญเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อให้ครบจำนวน 16 ทีม
เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 22 ตุลาคม ทาง แดร์ สปีเกิล รายงานว่า เรอัล มาดริด ได้รับอีเมลที่มีการระบุในซํพเจ็กต์ไลน์ว่า "Draft of an agreement of the 16" ซึ่งมีแผนที่จะลงนามทำข้อตกลงปลายเดือนนี้
ไฟล์เอกสารที่แนบมาด้วย ส่งให้กับ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรเรอัล มาดริด เป็น ร่างเงื่อนไขและข้อตกลง 13 หน้า ของทั้ง 11 สโมสระดับท็อปของยุโรป ที่จะร่วมก่อตั้ง ซูเปอร์ลีก ด้วยกัน ระบุว่า แชมเปี้ยนส์ลีก จะไม่มีอีกต่อไปหลังปี 2021 และสโมสรที่เข้าร่วมก่อตั้งยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก ทั้ง 11 ทีม ไม่ต้องกังวลเรื่องการตกชั้น เนื่องจากจะการันตีการอยู่ในลีกนี้ไปเป็นเวลา 20 ปี
แดน สปีเกิล กล่าวว่า 5 ทีมในเบื้องต้นที่จะถูกเชื้อเชิญเข้าร่วม ตามที่มีระบุในเอกสาร ได้แก่ แอตเลติโก มาดริด, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, โอลิมปิก มาร์กเซย, อินเตอร์ มิลาน และ โรม่า ซึ่งนี่อาจเป็นข่าวไม่ดีนักสำหรับ สเปอร์ส กับ เอฟเวอร์ตัน อีก 2 ทีมจากพรีเมียร์ลีก
สื่อดังของเยอรมนี ยังเผยด้วยอีกว่า สโมสรทั้ง 11 ที่ร่วมก่อตั้ง จะจดทะเบียนในนามของบริษัทในสเปน เพื่อเข้าตลาด โดยยังมีการลงรายละเอียดถึงจำนวนหุ้นที่จะถือครองของแต่ละสโมสร อย่างเช่น เรอัล มาดริด จะถือหุ้นจำนวน 18.77 เปอร์เซนต์ บาร์เซโลน่า 17.61 เปอร์เซนต์ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 12.58 เปอร์เซนต์ โดย บาเยิร์น มิวนิค จะเป็นผู้ถือหุ้นมากสุดเป็นลำดับที่สี่ คือ 8.29 เปอร์เซนต์
ในร่างเอกสารสัญญา ตามรายงานของ แดร์ สปีเกิล บอกว่า ไม่ได้มีกล่าวถึง ยูฟ่า แต่อย่างใด
ฮานส์-โจอาคิม วัตซ์เก ซีอีโอของทาง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แสดงความเห็นว่า เขาเชื่อว่ามีสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรปจำนวหนึ่งกำลังพยายามในเรื่องนี้อยู่จริง อย่างไรก็ตามเขาเสริมว่าแผนการต่างๆยังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างที่ชัดเจนนักในตอนนี้
สำหรับ ฟุตบอล ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก อันที่จริงมีการพูดถึงมาตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งสโมสรของอังกฤษทั้ง 5 ทีมที่เอ่ยชื่อไป ได้เคยมีการนัดประชุมกันที่กรุงลอนดอน โดยชายที่ ทาง แดร์ สปีเกิล อ้างว่าเป็นเจ้าของความคิดนี้ คือ ชาร์ลีย์ สติลลิตาโน่ ผู้บริหารรีเลเวนท์ สปอร์ต ชาวอเมริกัน ที่เป็นคนจัดการแข่งขันนัดกระชับมิตรระหว่างทีมในเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ กับ สโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรปอยู่บ่อยๆในรูปของ อินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ นั่นเอง
ส่วนทาง บาเยิร์น มิวนิค นั้น ทาง แดร์ สปีเกิล อ้างว่า ได้เตรียมใช้บริการ บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย แห่งหนึ่ง คือ "เคลียรี่ ก็อตลีบ" ใด้ช่วยสำรวจดูความเป็นไปได้ที่จะตัดขาดจากเข้าร่วมการแข่งขันทั้งใน บุนเดสลีกา และ แชมเปี้ยนส์ลีก
อย่างไรก็ตาม สโมสรส่วนใหญ่ ยังปฏิเสธข่าวนี้ อย่าง บาเยิร์น มิวนิค นอกจากปฏิเสธแล้ว ยังยืนกรานด้วยว่าพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับโปรเจคต์ก่อตั้ง ซูเปอร์ ลีก
คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ประธานสโมสร บาเยิร์น ซึ่งเป็นประธานสมาคมสโมสรยุโรป ได้ออกถ้อยแถลงปฏิเสธเรื่องเอกสารดังกล่าว พร้อมย้ำว่า ทางสโมสรยังไงก็ต้องเล่นอยู่ในบุนเดสลีกา
"เอฟซี บาเยิร์น มิวนิค พร้อมยืนเคียงข้างทีมสมาชิกทั้งหมดในบุนเดสลีกา และการแข่งขันทุกรายการของยูฟ่าและอีซีเอ ตราบใดที่ผมยังเป็นประธานบอร์ของ เอฟซี บาเยิร์น"
"เอฟซี บาเยิร์น ไม่ได้รู้เรื่องกับแผนการใดที่จะจัดตั้งลีกใหม่ขึ้นมา ที่เรียกกันว่า ซูเปอร์ ลีก ตามที่มีรายงานใน แดร์ สปีเกิ้ล และ เอฟซี บาเยิร์น ยังไม่เคยได้มีการร่วมเจรจาใดๆเกี่ยวกับแผนการนี้ เอฟซี บาเยิร์น ไม่อาจรู้ได้ว่า ทำไมชื่อของสโมสรถึงปรากฎอยู่ในเอกสารที่ แดร์ สปีเกิล กล่าวอ้าง"
บรรดาทีมในพรีเมียร์ลีกก็เช่นกัน ปฏิเสธที่จะตอบในเรื่องนี้ และแต่ละทีมก็เพิ่งเซ็นสัญญาลิขสิทธิ์ทางทีวีมูลค่าหลายพันล้านปอนด์ เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจะเริ่มในฤดูกาลหน้า
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกแถลงการณ์เช่นกัน บอกว่า พวกเขาจะไม่ขอให้ความเห็นหรือไปขยายความให้กับข่าวนี้อีก โดยมองว่าเป็นความพยายามที่จะทำลายชื่อเสียงของสโมสรโดยมีการวางแผนเอาไว้อย่างชัดเจน