"บิ๊กตู่" ปลื้มคะแนนความยากง่ายในการทำธุรกิจไทยยังติดอันดับ 30 ประเทศแรกของโลก คุยเป็นผลจากการปฏิรูป แต่ฝ่ายการเมืองถล่มยับ ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำหนัก เพื่อไทยจับมือประชาธิปัตย์แฉราคายางพารา ปาล์มโงหัวไม่ขึ้น
เมื่อวันเสาร์ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พอใจผลคะแนนความยากง่ายในการทำธุรกิจไทย หรือ Doing Business 2019 ที่รายงานโดยธนาคารโลกล่าสุด โดยประเทศไทยมีความก้าวหน้าด้วยคะแนน 78.45 จากคะแนนเต็ม 100 เพิ่มจากปีที่แล้วที่ได้คะแนน 77.39 แม้ว่าอันดับจะตกลงไป 1 อันดับ จากอันดับที่ 26 เป็น 27 แต่ยังคงเป็น 30 ประเทศแรกจาก 190 ประเทศทั่วโลก
“นายกฯ เน้นย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการปฏิรูปกฎระเบียบตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อลดช่องว่างของมาตรฐานประเทศไทยกับมาตรฐานระดับสูงของโลก"
เขากล่าวว่า จากรายงานระบุว่า ประเทศไทยปฏิรูปได้ดีใน 4 ด้านสำคัญ คือ 1.การเริ่มต้นธุรกิจ มีค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนลดลง 2.การขอใช้ไฟฟ้าหรือการเข้าถึงไฟฟ้า มีความสะดวกสบายมากขึ้น ปรับลดขั้นตอนการขอเชื่อมไฟฟ้า และเพิ่มความโปร่งใสในการเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมไฟฟ้า 3.การชำระภาษี มีการปรับปรุงระบบการคำนวณและยื่นแบบภาษีรายได้นิติบุคคลทางระบบออนไลน์ และ 4.การค้าระหว่างประเทศ ได้นำระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Matching System) มาใช้ในการควบคุมตู้สินค้า ช่วยลดระยะเวลาในการขนถ่ายสินค้าข้ามแดนได้
นายพุทธิพงษ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่มีการปฏิรูปด้านการขอใช้ไฟฟ้ามากที่สุด โดยได้คะแนนสูงถึง 98.57 คะแนน ใกล้เคียงกับแนวปฏิบัติที่ดีเลิศของโลก ส่วนตัวชี้วัดด้านการแก้ไขปัญหาล้มละลาย ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายของโลกนั้น ไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้นจาก 75.64 เมื่อปีก่อน เป็น 76.64 ในปีนี้
นายกรัฐมนตรีชื่นชมธนาคารโลกที่ได้สะท้อนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทำให้ทั่วโลกเห็นความก้าวหน้าของประเทศ ส่วนเรื่องใดที่ไทยยังมีจุดอ่อน ก็จะเร่งปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไป พร้อมทั้งฝากขอบคุณที่เห็นว่าไทยมีความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงบรรยากาศในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเอกชน ซึ่งจะช่วยให้คนไทยมีงานที่ดีขึ้น และนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม รวมทั้งการสนับสนุนในเรื่องต่างๆ ที่ธนาคารโลกมีต่อประเทศไทย
นักการเมืองถล่มหนัก
ขณะที่ฝ่ายการเมืองยังคงเห็นว่าเศรษฐกิจระดับล่างยังย่ำแย่ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยืนยันราคายางก้อนถ้วย 6 โลร้อย หรือกิโลกรัมละ 15- 16 บาท เป็นความจริง ไม่ได้เต้าข่าว ที่สื่อบางสื่อว่าตนให้ข่าวราคายางกิโลกรัมละ 16 บาท ผิดปกติอย่างแรงนั้น ตนถึงกับต้องพิสูจน์ด้วยการเดินทางไปพบนายทัยฮง พ่อสาร รองประธาน กยท.จังหวัดนครพนม เพื่อสอบถามราคาจากเกษตรกรผู้มีตำแหน่งใน กยท. ก็ยืนยันราคายางก้อนถ้วยตามราคาดังกล่าวจริง ส่งผลให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก
"ถ้ามีผู้รับซื้อยางก้อนถ้วยขณะนี้ในราคากิโลกรัมละ 38 บาท ผมจะไปกราบด้วยความขอบคุณ และขอให้มารับซื้อที่จังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดแรก จำได้ว่าสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีการเรียกร้องราคายางกิโลกรัมละ 80 บาท ถ้าไม่ได้จะเดินขบวน ตอนนี้ 6 โลร้อยเข้าไปแล้ว"
นายชวลิตกล่าวต่อไปว่า ที่สื่อเข้าใจผิดเรื่องราคายางเป็นเรื่องเล็ก แต่ที่ถือเป็นเรื่องใหญ่ก็คือ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการวันศุกร์เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา เพราะท่านสงสัยว่าคนจนมากขึ้นจริงหรือไม่ ตนมีความเห็นโดยสุจริตใจว่า ถ้าผู้บริหารไม่ทราบว่ากว่า 4 ปีที่ผ่านมา คนจนมากขึ้นๆ เศรษฐกิจปากท้องฝืดเคืองมากๆ ถ้าไม่ทราบข้อมูลพื้นฐานดังกล่าว รัฐบาลนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้เลย
เขากล่าวว่า รัฐบาลออก ครม.สัญจรถี่ยิบในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ก็จะพบแต่ผักชีโรยหน้าที่ถูกจัดฉากไว้ ลองไปเดินตามท้องไร่ ท้องนา หรือตามสวนยางพาราโดยไม่ต้องจัดฉาก ท่านก็จะอยู่ในโลกของความเป็นจริงว่าความลำบากยากจนได้แผ่ซ่านไปยังเกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างกว้างขวาง
“ผมไม่ใช่กูรูเศรษฐกิจ แต่มีวิธีตรวจสอบดัชนีเศรษฐกิจครัวเรือนแบบง่ายๆ ว่า กว่า 4 ปีที่ผ่านมา เงินในกระเป๋าและหนี้สินประชาชนเพิ่มขึ้นหรือลดลง ซึ่งร้อยทั้งร้อยที่สอบถามตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเงินในกระเป๋าลดลง แต่ที่เพิ่มขึ้นๆ คือหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้สินครัวเรือน นี่คือสภาพความเป็นจริงในชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทย ที่รอการแก้ไขจากมืออาชีพที่เคยมีผลงานให้ประชาชนจับต้องได้” นายชวลิตกล่าว
ราคาปาล์มตกต่ำมาก
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องชาวสวนปาล์มว่า ขณะนี้ราคาปาล์มตกต่ำมาก โดยเหลือเพียงกิโลกรัมละ 2.90 สตางค์ ชาวสวนปาล์มประท้วงเผาปาล์มหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ก็ถูกปิดข่าว และขณะนี้เมื่อนำปาล์มไปขายที่ลานปาล์ม ปรากฏว่ามีทหารมายึดปาล์มดิบที่ลานรับซื้อปาล์มตามคำสั่งพาณิชย์จังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งปาล์มที่ทหารยึดมีทั้งปาล์มดิบปาล์มสุกปะปนกันจำนวนหลายตันในแต่ละแห่ง โดยไม่มีการจ่ายชดเชยค่าปาล์มให้ลานปาล์มแต่อย่างใด ถามว่ายุติธรรมแล้วใช่หรือไม่
"ปัญหาปาล์มราคาตกต่ำ เพราะมีการลักลอบขนน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศเข้ามาใช่หรือไม่ และเพราะความไร้ประสิทธิภาพของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ที่ยุ่งแต่กับเรื่องจัดตั้งพรรคการเมือง แทนที่จะมุ่งแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกร เสียดายเงินเดือนรัฐมนตรีจริงๆ ผมเห็นว่าการใช้กำลังทหารไปยึดปาล์มเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกต้อง และใช้กำลังทหารไปในทางที่ไม่เหมาะสม เสียภาพพจน์ของทหารเป็นอย่างมาก จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. สั่งให้ยุติการใช้ทหารไปยึดผลปาล์มตามลานปาล์มทั่วภาคใต้โดยด่วน" นายวัชระกล่าว
ที่หอประชุมโรงเรียนบ้านทุ่งพรหมทอง ต.บางลาย อ.บึงนาราง จ.พิจิตร นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการ สนช.พบประชาชนตามวิถีไทยนิยมยั่งยืน พร้อมคณะสมาชิก สนช. และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชน มีผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนเข้าร่วม
นายพีระศักดิ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีข่าวว่าตนเองพาผู้สมัคร จังหวัดพิจิตร 3 ราย ที่คาดว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ สนช.พบประชาชนด้วยว่า เป้าหมายหลักการลงพื้นที่หลายปีที่ผ่านมา ตนและทีมงาน สนช.ทุกคนจะเน้นรับฟังชาวบ้านในพื้นที่ เขามีปัญหาอะไร ตรงไหน ก็รวบรวมแล้วนำไปสรุปเพื่อส่งต่อให้ถึงมือรัฐบาลแทบทุกครั้ง ส่วนรัฐบาลจะแก้จุดไหนเรื่องใดก่อนหลัง ไม่ใช่หน้าที่ สนช.จะไปก้าวก่าย
เมื่อถามว่า รอบนี้มีการเปิดวีดิทัศน์โชว์ผลงานเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ด้วย เรียกว่า สนช.ช่วยตีปี๊บผลงานช่วงใกล้จะมีเลือกตั้งหรือไม่ รองประธาน สนช.ตอบว่า ตอนนี้ที่ฝ่ายการเมืองเริ่มขยับมากขึ้น เขาน่าจะเห็นว่าโรดแมปเลือกตั้งเริ่มขยับใกล้เข้ามานั้น เราก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว รวมถึงเรื่องรัฐบาลด้วยเราก็ไม่ได้ไปยุ่ง
จี้รัฐบาลแจงให้เป็นระบบ
นายพีระศักดิ์บอกว่า แม้ที่ จ.พิจิตรรอบนี้จะมีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มาร่วมงานด้วยก็ตาม แต่ไม่เห็นท่านจะพูดเรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง หรือมาโชว์ผลงานอะไร ตนอยากให้ดูที่เนื้องานที่เรารับฟังปัญหาชาวบ้านมากกว่า ไม่ใช่เอาแต่มาตามจับผิดเรื่องคัดผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งรอบนี้มีผู้ว่าฯ 4 จังหวัดมา และส่วนท้องถิ่นร่วมรับฟังปัญหา กำหนดการลงพื้นที่ก็ทำล่วงหน้าไว้เป็นแรมปี จึงไม่มีนัยอื่นๆ แน่นอน
นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ตัดพ้อในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”เมื่อค่ำวันที่ 2 พฤศจิกายน ว่ารัฐบาลไม่ได้ปฏิรูปอะไรเพื่อใครเลย พร้อมกับเอ่ยปากขอความเป็นธรรมให้กับรัฐบาลด้วย ตนเห็นว่าหากการสื่อสารของรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปให้ความสำคัญกับการชี้แจงประชาชนอย่างจริงจังและเป็นระบบ ก็เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรที่เป็นมรรคเป็นผลกับการปฏิรูป ไม่มองว่าการปฏิรูปล้มเหลว
นายบุญเลิศกล่าวว่า มีกรรมการหลายชุดที่มีภารกิจเกี่ยวกับการผลักดันการปฏิรูป แต่ดูเหมือนว่ามองข้ามการสื่อสารสังคม ไร้ซึ่งกลยุทธ์การสื่อสารแบบมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ รวม 11 ชุด ทุกชุดได้ประกาศใช้แผนปฏิรูปประเทศไปแล้ว ยกเว้นแผนปฏิรูปด้านการศึกษาและแผนปฏิรูปตำรวจที่รอการประกาศ นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ มีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รวมทั้งกรรมการยุทธศาสตร์ชาติอีกหลายชุด ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านร้านตลาดจึงจับต้องการปฏิรูปไม่ได้ ฝ่ายตรงข้ามก็นำมาโจมตี กล่าวหาว่าการปฏิรูปล้มเหลว
อดีต สปช.ผู้นี้บอกว่า ผู้จะเข้ามาเป็น ส.ว.ชุดใหม่จำนวน 250 คน มีความสำคัญอย่างยิ่ง ส่งผลต่อการเดินหน้าหรือหยุดชะงักหรือถอยหลังของการปฏิรูปประเทศ เนื่องจาก ส.ว.ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญให้มีหน้าที่ติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ ส.ว.จึงต้องทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด โดยไม่ลืมว่าหลังเลือกตั้งจะมีพรรคการเมืองส่วนหนึ่งต้องการแก้ไขหรือยกเลิกการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ที่ประกาศใช้ไปแล้ว
“การปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ว.มีผลต่อการปฏิรูปประเทศ หากได้คนที่ไม่เข้าใจเรื่องการปฏิรูป ไม่รู้ว่าแผนปฏิรูปมีอะไรบ้าง ไม่เข้าใจหน้าที่ในการขับเคลื่อนการปฏิรูปว่าทำอย่างไรประเทศถึงจะเดินหน้าไปได้ แม้จะมีแผนการปฏิรูปประเทศที่ประกาศใช้แล้ว มีรัฐธรรมนูญและกฎหมายบังคับใช้ ก็ยากที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศขึ้นได้” นายบุญเลิศกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |