(1)
ในฐานะที่โตขึ้นมาพร้อมๆ กับนวนิยายกำลังภายในเรื่อง มังกรหยก เรียกว่า...อาจถือเป็นนิยายเล่มแรก ขณะที่ตัวเองยังมีความรู้แค่ชั้น ป.4 หรือกำลังเรียนหนังสืออยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แต่ก็ดันไปหยิบเอานิยายเรื่องนี้ มาอ่านประดับความรู้และความสนุกสนานเมามันซ์ซ์ซ์ จนแทบไม่รู้ว่าระหว่างความรู้ในห้องเรียน กับนอกห้องเรียน อะไรมันจะสำคัญกว่า ดังนั้น...ในเมื่อ มังกรตัวจริง อย่าง จาเหลียงยง หรือ กิมย้ง ผู้เขียนนวนิยายเรื่องนี้ ต้องลาสละจากโลกไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ คงอดมิได้ที่จะต้องหยิบมาพูดถึง กล่าวถึง โดยมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้นั่นแล...
(2)
คืออันที่จริง...ก็ไม่ใช่แต่เฉพาะ กิมย้ง ไม่ว่าโกวล้ง โกวเล้ง อึ้งอง อึ้งเอ็ง ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ขึ้นชื่อว่าเป็น นิยายกำลังภายใน แล้ว แทบจะ เหมาหมด อ่านแล้ว อ่านเล่า อ่านซ้ำ อ่านซาก มาตั้งแต่เด็กจนโต เพราะบรรดานิยายประเภทนี้ คงต้องยอมรับว่า...ออกไปทางคล้ายๆ ยาเสพติด บางประเภท เรียกว่า...ถ้าลองไปคว้าเล่ม 1 เล่ม 2 ที่ยุคก่อนยังพิมพ์ขายแบบเป็นเล่มบางๆ ไม่หนาเตอะรวมเป็นแค่ไม่กี่เล่มเหมือนอย่างช่วงหลังๆ นี้ ออกพิมพ์ ออกขาย แยกเป็นเล่มเล็กๆ เดือนละครั้ง หรือสัปดาห์ครั้งก็จะไม่ได้ซะแล้ว แต่รับรองว่าถ้าดันไปเผลออ่านเล่ม 1 เล่ม 2 เข้าแล้ว โอกาสที่จะต้อง ตามอ่าน ไปจนถึงเล่มที่ 100-200 ตั้งตารอคอยกันในทุกๆ สัปดาห์ ทุกวัน เดือน ปี แบบชนิดงอมๆ แงมๆ ไปตามกัน...
(3)
แม้ว่าจะโตขึ้นมาบ้างแล้ว...เป็นวัยรุ่น วัยวุ่น เริ่มรู้จักอ่าน คาฟก้า อ่าน ซาร์ต อ่าน อัลแบร์ กามูส์ ฯลฯ หรือบรรดาหนังสือวรรณกรรมประเภทต้อง ปีนกระไดอ่าน ของพวกฝรั่งเขา แต่ถ้าหากยังพอมีเวลาเหลือ หรือพอมีเวลาเอาไว้ ฆ่า การ ฆ่าเวลา ด้วยการแวะไปตามร้านเช่าหนังสือ คว้าเอาหนังสือนิยายกำลังภายในมาอ่านเล่น อ่านก่อนนอน ก็ยังถือเป็นกิจวัตรที่ไม่คิดจะหลีกเลี่ยงและปฏิเสธอีกจนได้ เพราะความสนุกสนาน ตื่นเต้น ความเมามันซ์ซ์ซ์ ที่ไม่ต้องเสียเวลาหยิบมาคิดโน่น คิดนี่ อะไรกันมากมาย เลยทำให้อิทธิพลจาก นิยายกำลังภายใน ของบรรดานักเขียนชาวจีนทั้งหลาย ชำแรก แทรกซึม เข้ามาอยู่ในเส้นเลือดของตัวเอง โดยไม่รู้เนื้อ-ไม่รู้ตัว ก็ตาม...
(4)
จนกระทั่งเริ่ม แก่ได้ที่ นั่นแหละ...ถึงได้เลิกๆ จากนิยายทำนองนี้ อ่านแล้วไม่ติดเหมือนเดิม อ่านไป-อ่านมา เริ่มรู้สึกซ้ำๆ เลยต้องหันไปหาเรื่องอื่นๆ กลายเป็นเรื่องภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ศาสนา ฯลฯ ไปโน่น แต่ถึงกระนั้น...ภายในยีน ภายในดีเอ็นเอ เซลล์เลือด กลุ่มเลือด ก็น่าจะยังพอมีเค้าโครง รูปร่าง ที่ได้รับการส่งมอบจากบรรดานิยายกำลังภายในทั้งหลายผสมผสานปะปนอยู่อย่างมิอาจปฏิเสธ โดยเฉพาะนิยายของ กิมย้ง นี่แหละ ที่ออกจะมีเนื้อหา รายละเอียด แตกต่างไปจากนิยายกำลังภายในของนักเขียนจีนรายอื่นๆ คือมีการสอดแทรกความรู้ทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี ไปจนถึงข้อคิด อุทาหรณ์ แนวคิดทางด้านการเมือง ปรัชญา เอาไว้ด้วยมิใช่น้อย...
(5)
ซึ่งถ้าจะไปแล้ว...นิยายของ กิมย้ง ที่อาจส่งผล ส่งอิทธิพล ต่อ อันตัวข้าพเจ้าเอง ออกจะมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร นั่นแหละท่านชาวยุทธ์ทั้งหลาย เรื่องของจอมยุทธ์อย่าง เหล็งฮู้ชง ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ระหว่าง เขาควาย หรืออยู่ระหว่างกระแสความขัดแย้งของฝ่ายธรรม และอธรรม ฝ่ายเทพ และฝ่ายมาร ที่ว่ากันว่า...อาจเกี่ยวโยงไปถึงตัวตนของ กิมย้ง เอง ที่เคยต้องตกอยู่ภายใต้กระแสความขัดแย้งทางการเมืองในเมืองจีน ระหว่างฝ่าย พรรคคอมมิวนิสต์ กับฝ่าย พรรคก๊กมินตั๋ง อะไรประมาณนั้น และสุดท้าย...สิ่งที่ เหล็งฮู้ชง ตัดสินใจเลือกเป็นหนทางบั้นปลาย หรือหนทางเดินของตัวเอง ก็คือการลาละสละจากยุทธจักร ไม่สนใจที่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับชื่อเสียง-ลาภ-ยศ เงินๆ ทองๆ ไปจนแม้แต่ อำนาจทางการเมือง ทั้งๆ ที่ตัวเองนั้น อาจยังมีอะไรที่เหนือไปกว่าผู้ซึ่งตั้งตนเป็น ฮ่องเต้ อย่าง จูหยวนจาง หรือพระจักรพรรดิ หงวู่ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิงได้สบายๆ...
(6)
อันนี้นี่แหละ...ที่ต้องถือเป็นบทสรุป อันทำให้ นิยายกำลังภายใน ของ กิมย้ง นั้น ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ประณีต และลึกซึ้ง ไม่น้อยไปกว่าวรรณกรรมระดับคลาสสิกของพวกฝรั่งมังค่า หรือของชาติไหนๆ ก็แล้วแต่ หรือแม้กระทั่งไม่น้อยไปกว่าหนังสือประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา หรือทฤษฎีการเมืองใดๆ ก็ตาม ด้วยเหตุเพราะความเป็นฝ่ายมาร ฝ่ายเทพ หรือฝ่ายอะไรก็แล้วแต่ เอาเข้าจริงๆ แล้ว...มันมีทั้งส่วนดี ส่วนไม่ดี คนดี คนไม่ดี ผสมผสานปนเปปะปนไปด้วยกันทั้งสิ้น มีแต่ต้องอาศัย คุณธรรมแท้ๆ ที่ไม่ได้ก่อกำเนิดเกิดขึ้นมาจาก ความเป็นฝ่าย แต่เกิดขึ้นมาภายในตัวตนของแต่ละคน แต่ละตัวนั่นแหละ ถึงจะพอแยกแยะความเป็นของจริง-ของแท้ ของปลอม-ของไม่ปลอมออกจากกันได้บ้าง และสิ่งที่เรียกว่า คุณธรรมแท้ๆ นั้น ก็คงไม่ได้มีอะไรไปกว่า การพร้อมที่จะลา-ละ-สละจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าชื่อเสียง เกียรติยศ ลาภ-ยศ เงินๆ ทองๆ ไปจนถึง อำนาจ ไม่ว่าจะในทางการเมืองหรือในแวดวงยุทธจักรก็ตามที มันถึงจะสามารถ เย้ยยุทธจักร ได้แบบคล่องตัว แบบสบายๆ ด้วยเหตุนี้...จึงหนีไม่พ้นต้อง ขอคารวะ มังกรจีนผู้มีชื่อว่า จาเหลียงยง หรือ กิมย้ง เอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย ณ ที่นี้...
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |