'ทรัมป์' ขู่ สั่งกองทัพยิงผู้อพยพอเมริกากลางปาหินใส่ทหาร


เพิ่มเพื่อน    

อย่างโหด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายหลายพันคนที่กำลังเคลื่อนคาราวานจากเม็กซิโกมายังสหรัฐว่า ทหารที่รัฐบาลส่งไปสนับสนุนการรักษาชายแดนสามารถยิงผู้อพยพจากอเมริกากลางที่ขว้างปาก้อนหินใส่ทหาร โดยสหรัฐจะไม่ยอมให้ผู้อพยพทำแบบเดียวกับที่ทำกับตำรวจ-ทหารเม็กซิกัน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับนักข่าวที่ห้องรูสเวลต์ในทำเนียบขาว เกี่ยวกับนโยบายผู้อพยพเข้าเมือง เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 / AFP

    ประธานาธิบดีสหรัฐใช้ถ้อยคำข่มขู่อย่างดุดันแบบรายวันเมื่อใกล้ถึงวันเลือกตั้งกลางเทอมวันอังคารที่ 6 พฤศจิกายนนี้ โดยกล่าวหาพรรคเดโมแครต ซึ่งหวังจะทวงที่นั่งเสียงข้างมากในสภาใดสภาหนึ่งของ ว่าต้องการเปิดพรมแดนต้อนรับพวกคนโฉด, นักข่มขืน และภัยคุกคามอีกสารพัน

     เอเอฟพีรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า กลุ่มผู้อพยพเข้าเมืองหลายพันคนที่กำลังเดินเท้าผ่านเม็กซิโกมายังชายแดนสหรัฐ ได้ขว้างปาก้อนหินใส่ตำรวจเม็กซิกัน "อย่างดุร้ายและรุนแรง" แต่สหรัฐจะไม่ยอมทนกับเรื่องแบบนี้

    "พวกเขาอยากปาก้อนหินใส่ทหารของเรา ทหารของเราก็จะสู้กลับ" ทรัมป์กล่าวระหว่างการนำเสนอนโยบายอื้อฉาวของเขาว่าด้วยการปราบปรามผู้อพยพ ที่เขาเรียกว่าพวกเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ควบคุมไม่ได้ "ผมบอกพวกเขา (ทหาร) ให้ถือว่า มัน (ก้อนหิน) คือปืนไรเฟิล เมื่อพวกนั้นขว้างปาก้อนหินแบบที่ทำกับทหารและตำรวจเม็กซิกัน ก็ให้ถือว่ามันคือไรเฟิล"

    ด้านพันโทเจมี เดวิส โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวตอบคำถามของเอเอฟพีว่า กองทัพจะไม่สนทนาถึงสถานการณ์ที่เป็นสมมติฐานเรื่องการใช้กำลัง แต่ทหารของเราได้รับการฝึกมาอย่างมืออาชีพที่ได้รับสิทธิในการป้องกันตนเอง

    เขาย้ำด้วยว่า กองทัพสหรัฐปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนภารกิจของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และกองการศุลกากรและป้องกันชายแดน ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษากฎหมาย

    กลุ่มบุคคลที่ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวถึงเพื่อเน้นย้ำคำกล่าวอ้างของเขาที่ว่าจะดำเนินการกับ "การรุกราน" นี้ คือกลุ่มของผู้อพยพยากจนที่หดจำนวนลงเหลือราว 2,000 คนที่กำลังพยายามเดินทางผ่านเม็กซิโกขึ้นเหนือ แต่ก็ยังอยู่ห่างไกลจากชายแดนสหรัฐ

ที่พักชั่วคราวของผู้อพยพชาวฮอนดูรัสในคาราวานที่มุ่งหน้าสู่สหรัฐ จัดตั้งอยู่บนสนามฟุตบอลในเมืองมาตีอัสโรเมโรของเม็กซิโก เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 / AFP

    ทรัมป์กล่าวว่า นับจากนี้ไป สหรัฐจะหยุดใช้นโยบายที่อนุญาตให้ผู้ที่ขอลี้ภัยทางการเมืองเมื่อมาถึงพรมแดนสหรัฐเข้าประเทศ เว้นแต่ว่าคนเหล่านั้นจะข้ามแดนผ่านจุดผ่านแดนที่ถูกกฎหมายก่อน คนเข้าเมืองที่โดนจับกุมที่ชายแดนนั้นจะถูกส่งตัวไปยังค่ายพักกระโจมหรือสถานที่พักอื่นๆ จนกว่าสหรัฐจะสามารถเนรเทศพวกเขา หรือคำขอลี้ภัยได้รับการอนุมัติ

    นักวิจารณ์หลายคนกล่าวว่า การทบทวนเปลี่ยนแปลงนโยบายให้ที่ลี้ภัยแบบนี้อาจละเมิดกฎหมายของสหรัฐที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่ทรัมป์ปฏิเสธเสียงวิจารณ์นี้

    ทรัมป์ ซึ่งชูนโยบายแข็งกร้าวด้านคนเข้าเมืองมาตั้งแต่การหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสหรัฐเมื่อปี 2559 ยืนกรานว่า แนวทางของเขาถูกกฎหมายอย่างแน่นอน รัฐบาลสหรัฐกำลังหยุดคนพวกนี้ไว้ที่ชายแดน นี่คือการรุกรานแต่กลับไม่มีใครตั้งคำถามถึงสิ่งนี้

    "เรากำลังจะออกคำสั่งของฝ่ายบริหารฉบับหนึ่งอาจเป็นในสัปดาห์หน้า" เขาเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย

    รายงานกล่าวว่า ถึงแม้ว่าทรัมป์จะออกคำเตือนขั้นรุนแรงเพิ่มมากขึ้นต่อกรณีความโกลาหลวุ่นวายของผู้อพยพเข้าเมือง แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่า ในปี 2561 นี้ มีคนถูกจับกุมที่ชายแดนสหรัฐแค่ประมาณ 400,000 คนเท่านั้น เปรียบเทียบกับในปี 2543 ซึ่งมีคนถูกจับกุมที่ชายแดนราว 1,600,000 คน

    ทรัมป์อ้างว่า เขาไม่ได้ต่อต้านผู้อพยพเข้าเมือง แต่ต้องการให้มีการควบคุมการอพยพเข้าเมืองอย่างเต็มที่ การอพยพเข้าเมืองอย่างควบคุมไม่ได้ของคนจำนวนมากนี้ไม่ยุติธรรมกับคนเข้าเมืองที่ปฏิบัติตามกฎหมายอีกจำนวนมากที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แล้ว คนเหล่านี้ปฏิบัติตามกฎและรอให้ถึงคราวของพวกเขา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"