2 พ.ย.61- ที่โรงงานผลิตยารังสิต 1 คลองสิบ อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี นพ.โสภณเมฆธน ประธานองค์การเภสัชกรรม (บอร์ดอภ.) กล่าวในการแถลงข่าวยาต้านไวรัสเอดส์ ขององค์การเภสัชกรรมได้รับรางวับมาตรฐานสากล จากองค์การอนามันโลก(Who) รายแรกของไทยและอาเซียน ว่า ยาเอฟฟาไวเรนส์ (Efavirenz Tablets) 600 มิลลิกรัม ของอภ.เป็นยารายการแรกของประเทศไทย และเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ได้รับการรับรองมาตราฐานสากล WHO Prequalification Program (WHO PQ) จากองค์การอนามัยโลก โดยได้ขึ้นบัญชียาดังกล่าวไว้ในบัญชียาขององค์การอนามัยโลกเพื่อให้หน่วยงานหรือองค์กรสาธารณสุขนานาชาติจัดซื้อยาจากผู้ผลิตที่ได้ผ่านกระบวนการตรวจรับรองที่เข้มงวดนี้แล้วเท่านั้น เช่น กองทุนโลก ยูนิเซฟ ที่ทำหน้าที่จัดซื้อยาให้กับประเทศสมาชิกที่ต้องการหรือประเทศที่ด้อยโอกาส การรับรองครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยาที่ทั่วโลกยอมรับเพื่อเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพประสิทธิผล ความปลอดภัย มีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ เพราะยาตัวนี้เป็นตัวแรกที่ให้กับผู้ติดเชื้อเอชไอวีทุกรายตั้งแต่ตรวจพบเชื้อในร่างกาย ซึ่งในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อประมาณ 8 หมื่นราย และขณะนี้เตรียมพัฒนาโรงงานผลิตยารังสิตเฟส 2 มูลค่า 5.6 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในม.ค. 2562
ด้าน ภญ.มุกดาวรรณ ประกอบไวทยกิจ รองผอ.อภ.กล่าวว่า เราพยายามมานานกว่า 16 ปี ซึ่งปัญหาต่างๆสามารถแก้ได้ด้วยกำลังใจในการสนับสนุน ซึ่งต้องขอขอบคุณท่านผู้บริหารรวมทั้งผู้บริหารรุ่นก่อนๆตั้งแต่มีการเริ่มดำเนินก่อนโดยมีการตั้งเป้าจะขึ้นทะเบียนได้ภายในปี 2562 แต่สามาถทำได้ก่อนกำหนด ก็สามารถพัฒนาและนำยาตัวนี้จนผ่านมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก มาตรฐานเทียบเท่ายาต้นแบบ ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาดี มีคุณภาพ ทั้งนี้ ณ วันนี้ เราผลิตได้เองทำให้ราคาลดลงเหลือเพียง 180 บาทต่อกระปุก ซึ่งตอนที่ยังไม่สามารถผลิตได้เองทำให้ราคาสูงกระปุกละกว่า 1 พันบาท ทั้งนี้หลังได้รับการรับรองแล้วเมื่อกองทุนต่างๆ จะซื้อยาจะเข้าไปดูรายชื่อบริษัทใดบ้างที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก แต่ติดต่อให้ไปร่วมประมูลยา ล่าสุดได้รับการติดต่อจากประเทศแถบทะเลแคริเบียนให้เข้าร่วมการประมูล เช่นเดียวก่อนหน้านี้ทางประเทศฟิลิปปินส์ที่มีความเชื่อมั่นในยาของไทย ก็ขอให้ไทยเข้าไปขึ้นทะเบียนยาในประเทศดังนั้นจึงอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งจะมีมูลค่าสั่งซื้อเพิ่มราว 51 ล้านบาท นอกจากนี้ยาของอภ.ยังสามาถขึ้นทะเบียนได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องผ่านกระบวนการ อย.ปกติของแต่ละประเทศ เพราะใช้ข้อมูลการรับรองขององค์กาอนามัยโลกได้เลย และตอนนี้ยังได้ส่งยาต้านไวรัสจีพีโอเวียร์ (VIR T) ซึ่งเป็นสูตรรวม กินแค่เม็ดเดียว ไปขอการรับรองจากองค์การอนามัยโลกเช่นเดียวกัน คาดว่าอีก 2 ปีจะทราบผล แต่มั่นใจว่าน่าจะสามารถผ่านได้ นอกจากนี้อนาคตยังเตรียมส่งยาต้านวัณโรค และยารักษาโรคมาลาเรียเข้าสู่การรับรองด้วย
"การได้รับการรับรองมาตรฐานครั้งนี้ทำให้เปิดโอกาสที่อภ.จะได้จำหน่ายยาได้มากขึ้น เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมาก ยืนยันว่ากำลังการผลิตของเราเพียงพอต่อการใช้ในประเทศ และส่งออก ซึ่งใยการผลิตปี 2561 สามารถผลิตยาต้านฯ 42 ล้านเม็ด หรือ 2.5 เปอร์เซ็นต์ของกำลังการผลิตยาในโรงงานนี้ทั้งหมด 4 พันล้านเม็ด แถมยังมีการเตรียมขยายโรงงานปลิตเฟส 2 อีก" ภญ.มุกดาวรรณ.