"ไพรินทร์"กางแผนไฮสปีด 2,800 กม.เชื่อมอาเซียน คนไทยเฮเตรียมนั่งไฮสปีดเที่ยวสิงคโปร์-ปักกิ่ง เร่งต่อขยายรางรถไฟเชื่อมซีแอลเอ็มวี หวังปั้นตลาดขนส่งเส้นทางยูนนาน-หนองคาย-อีอีซีรับเส้นทางสายไหมใหม่
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคมเปิดเผยภายในงาน “วิศวกรรมแห่งชาติ 2561” อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมก้าวสู่มิติใหม่ นำนวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 มุ่งสู่ความเป็นผู้นำแห่งอาเซียนว่าเศรษฐกิจอาเซียนเติบโตอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมาส่งผลให้รัฐบาลจึงต้องเร่งวางระบบโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อชาติเพื่อนบ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาวและไปสู่ศูนย์กลางอาเซียน โดยกระทรวงคมนาคมมีแผนลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมอาเซียน รวม 4 เส้นทางมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านบาท รวมระยะทาง 2,800 กม. ประกอบด้วย 1.รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสปป.ลาว-จีนตอนใต้ เส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทางราว 600 กม.
2.รถไฟความเร็วสูงเชื่อมอีอีซีและกัมพูชา เส้นทางกรุงเทพ-สนามบินอู่ตะเภา และเฟส 2 ช่วงอู่ตะเภา-ระยอง ระยะทางรวม 400 กม. 3.รถไฟความเร็วสูงเชื่อมมาเลเซีย เส้นทางกรุงเทพ-หัวหิน-สุราษฎร์ธานี และเฟส 2 ช่วง สุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ ระยะทางรวม 1,100 กม. 4.เส้นทางรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ ระยะทางราว 700 กม. อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเริ่มมีการทยอยเปิดประมูลและก่อสร้างไปพร้อมกันสองเส้นทางในปี 2562 ก่อนเปิดให้บริการสายแรกของประเทศในปี 2565-2566 ดังนั้นในอนาคตคนไทยจะสามารถนั่งรถไฟไฮสปีดไผเที่ยวสิงคโปร์หรือเมืองหลวงปักกิ่งของจีนได้เลยจากสถานีกลางบางซื่อ
สำหรับรถไฟดั้งเดิมนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการผลักดันพัฒนาให้ระบบรางรถไฟเชื่อมต่อกับเพื่อนบ้านซีแอลเอ็มวีให้สามารถเดินรถทะลุถึงกันได้เลยแบบเส้นทางทรานส์อาเซียน เพื่อรองรับการนโยบายเส้นทางสายไหมใหม่(Belt&Road Initiative) โดยจะเริ่มจากการเดินรถไฟเชื่อมต่อหนองคาย-เวียงจันทน์ เข้าสปป.ลาวเพราะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้ายุทธศาสตร์สายไหมของจีนเชื่อมยูนนาน-สปป.ลาว-หนองคาย-อีอีซี ก่อนกระจายสินค้าไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกที่ท่าเรือแหลมฉบัง นอกจากนี้จะเร่งเชื่อมเส้นทางรถไฟสายอรัญประเทศ-ปอยเปต-พนมเปญ ซึ่งจะเปิดเดินรถได้ในอีก 2 เดือนข้างหน้า รวมถึงการต่อขยายเส้นทางรถไฟเข้าเมียนมาร์ บริเวณด่านชายแดนเจดีย์สามองค์ ส่วนฝั่งมาเลเซียนั้นในอนาคตจะพัฒนารถจักรไฟฟ้าขนส่งสินค้าผ่านด่านปาดังเบซาร์ อย่างไรก็ตามเส้นทางขนส่งสินค้าสปป.ลาว-อีอีซีนั้นมีศักยภาพอย่างมากจนมีเอกชนสนใจเข้าลงทุนงานก่อสร้างและงานระบบเดินรถเส้นทางขอนแก่น-แหลมฉบัง
นายไพรินทร์ กล่าวอีกว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตทางรางเพื่อสร้างรายได้นับแสนล้านบาทให้กับประเทศและการกระจายรายได้ฐานราก เนื่องจากประเทศอาเซียนหลานชาติอยู่ระหว่างลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจึงมีความต้องการตู้ขบวนรถไฟฟ้าและอะไหล่ด้านรางจำนวนมาก เมื่อโฟกัสดูแค่ในประเทศไทยแล้วมีดีมานต์หลายหมื่นล้านบาทจากการพัฒนารถไฟฟ้าเมืองหลวง 10 เส้นทางรวม 400 กม.จะต้องการรถไฟฟ้าอีกราว 500 คัน แบ่งเป็นคันละ 3-4 โบกี้
นอกจากนี้ยังมีงานอะไหล่รถไฟทางคู่ที่พัฒนาอีกหลายพันกม. รวมถึงงานชิ้นส่วนรถไฟฟ้าความเร็วสูง ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจึงเร่งรัดการแต่งตั้งกรมการทางรางซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนเพื่อกำหนดมาตรฐานและกำกับดูแลอุตสาหกรรมรางรวมถึงการออกใบอนุญาตบุคลากรขับรถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูงอีกด้วย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |