เรื่อง "ปลดล็อกกัญชา" นี่.......
เป็นหน้าที่รัฐบาล, สนช.-อย.และคณะกรรมการกัญชา ว่าจะตกลงเอาอย่างไรกันก็จริง
แต่แก่นของเรื่องทั้งหมด
อยู่ที่ "ประชาชน"!
พูดชัดๆ จะให้กัญชาเป็นยาเสพติด หรือเป็นพืชสมุนไพร หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่
"ชาวบ้าน" เป็นผู้รับผลโดยตรง!
ฉะนั้น ก่อนจะเขียน-จะแก้กฎหมายอะไรออกมา บอกชาวบ้านให้เข้าใจชัดๆ ก่อนได้มั้ย ว่า
ที่พูด "ปลดล็อก..ปลดล็อก" นั่นน่ะ
ปลดอะไร แค่ไหน ตรงไหน ผลที่จะตามมาคืออะไร ชาวบ้านได้-ไม่ได้อะไร?
ปลดแล้ว หมายความว่า ชาวบ้านจะปลูก-ใช้ "กัญชา-กระท่อม" ได้ โดยไม่ผิดกฎหมายด้วยใช่มั้ย
หรือยังไม่ได้ หรือมีขอบเขตให้แค่ไหน อย่างไร?
เนี่ย...ผมว่า คนยังสับสนกันอยู่มาก
ต้องเข้าใจว่า การบริโภคข่าวสารของสังคมไทย เป็นแบบ "ยกซด" ไม่ชอบเคี้ยว
ได้ยินว่า "ปลดล็อก" ปุ๊บ ก็สรุปด้วยซื่อตามนั้นปั๊บ น้อยคนจะสนใจศึกษาในรายละเอียด
ก็จะไปคนละทิศ-ละทาง.......
ถ้า "กฎหมายกับชาวบ้าน" ไม่บรรจบกัน ยิ่งเข้าใจไม่ตรงกันด้วยแล้ว มันก็ไร้ประโยชน์
คือตอนนี้ ปลดล็อก "ของคณะกรรมการกัญชา และ อย."
ตกลงแค่ "ขยับรู" เข็มขัด
แต่ชาวบ้านเข้าใจว่า "ปลดขอ-รูดซิป"
ยังไงๆ ก็ยังฉี่ไม่ได้-ฉี่ไม่ออกอยู่ดี!
จึงอยากให้เจ้าภาพงานนี้ "บดย่อย" ประเด็น เป็นความเข้าใจกับชาวบ้านว่า
"ปลดล็อก" นั้น มันแค่ไหน และชาวบ้านได้อะไร?
เพราะที่ฟัง อย่าว่าแต่ชาวบ้านจะสับสนเลย แม้แต่คณะกรรมการฯ เอง.........
"หลักใหญ่" ตรงกันก็จริง
แต่ "หลักย่อย" ยังแย้งกันด้วยวิสัยทัศน์คนละทิศ-ละทาง หาบทสรุปยังไม่ลงตัว แต่เมื่อต้องเอา ก็ขยุ้มๆ แบบขอไปทีว่า
"แค่ล็อกเล็กๆ ไปก่อน ค่อยไปขยับขยายเป็นล็อกใหญ่ๆ วันข้างหน้า"!
ดีที่ไม่บอกว่า "ชาติหน้า"!?
สรุป "ปลดล็อกกัญชา" ที่ตกลงกันขณะนี้ คือ
ยกระดับ "กัญชา" จากยาเสพติดประเภท ๕ ห้ามปลูก-ห้ามมี-ห้ามใช้ มาเป็นประเภท ๒
สามารถนำ "สารสกัด" จากกัญชาไปใช้ทางการแพทย์ได้ เหมือนมอร์ฟีน
ส่วน "ดอก-ใบ" กัญชา และกระท่อม ยังซ้ำชั้น ไม่ได้พาสขึ้นชั้น ๒ ใครเอามาปลูก-มาใช้ ต้องติดคุกเหมือนเดิม!
และที่นำสารสกัดไปใช้ทางการแพทย์ ก็ระบุแค่ ๔ กลุ่มโรค
๑.รักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ให้เคมีบำบัด
๒.โรคลมชักในเด็ก
๓.ปลอกประสาทอักเสบ และ
๔.อาการปวดรุนแรง
เรื่อง "กัญชา" ในความเห็นผม เมื่อร้อยละ ๙๙.๙๙ เห็นตรงกันหมด ว่ามีประโยชน์ ควรนำมาใช้
ช้าอีกนิดจะเป็นไร......
ช่วยกันดูให้ตกผลึกทุกด้านซิว่า กัญชานั้น นอกจากทางการแพทย์แล้ว
ยังจะใช้สร้างมูลค่าเพิ่มได้ทางไหนอีกบ้าง นอกจากมุ่งเฉพาะสารสกัดใน ๔ กลุ่มโรค?
คือผมว่า น่าจะมองทางด้าน "พืชอุตสาหกรรม" เพื่อการส่งออกและแปรรูปทางโภชนาการด้วย
นอกเหนือจากสร้าง "สถาบันทางเลือก" เพื่อการบำบัดและรักษาผู้ป่วยด้วยกัญชา
เป็นสถาบันรองรับ "ผู้ป่วยทางเลือก" จากทั่วโลก
ถ้าเรามองครอบคุลมหลายๆ ด้าน ในความเป็นไปของทิศทางกัญชาโลก
การแก้-การเขียนกฎหมาย จะหลุดจากกะลาครอบ สามารถตอบโจทย์กัญชาในอนาคตได้มากกว่า ๔ กลุ่มโรค
ทางแพทย์.......
ให้เฉพาะสารสกัดใน ๔ กลุ่มโรค ผมว่า "มองแคบ" ไป
พูดว่าปลดล็อก
แต่ปลดแล้ว กลับ "ควบคุม" เป็นยา มีผู้ได้ประโยชน์ "ฝ่ายเดียว" คือ
"อย." กับบริษัท "ค้ายา"
ไม่ผูกขาดก็เหมือนผูกขาด เพราะเราจะวิจัย "สารสกัดกัญชา" ให้ได้ออกมาตามมาตรฐานยา "อย.กำหนด"
อีกกี่สิบปีล่ะ?
แบบนี้ อย.ก็ต้องสั่งจากนอกเข้ามาเหมือนมอร์ฟีนอีกนั่นแหละ
แล้วมันได้อะไร หรือใครได้?
ผมว่านะ ถ้าจะปลดล็อกกัญชาให้ตรงประเด็น
ปลดล็อกวิสัยทัศน์ "อย." ก่อนดีที่สุด!
กัญชานั่น ก็เหมือนพืชสมุนไพรอีกจำนวนมาก มีทั้งคุณ-ทั้งโทษ
ถ้าจ้องแต่ด้านโทษ เพ่งเล็งว่าเป็นยาเสพติด
มันก็เป็นสิ เมื่อตีตราให้มันเป็นแบบนั้น!
ลองเปลี่ยนแว่น มองกัญชาเป็น "พืชสมุนไพร" คู่บ้าน-คู่เมือง ก็จะเห็นคุณค่าทางด้านใช้ประกอบทางยารักษาโรคได้มากมาย
จำ "ขี้ตะกรัน" ที่ภูเก็ตได้มั้ย?
ใครมีรถก็มาโกยเอาไปถมถนน คันรถละไม่กี่ตังค์ พอศึกษา-ค้นคว้า พบขี้ตะกรันถลุงออกมาจะได้แร่เอาไปทำหัวกระสวยอวกาศ
โลละเป็นร้อยเป็นพันล้าน ตั้งโรงงานถลุง เป็นเรื่องเป็นราว จนต้องย้ายไปตั้งโรงงานที่ระยอง
กัญชานี่ ศึกษาให้ดีเถอะ มันมีดีซ่อนอยู่มากกว่าคำว่า "ยาเสพติด"
เปลี่ยนทัศนคติซะใหม่ แล้วใช้วิทยาการ ทั้งด้านแพทย์ ด้านวิจัยพัฒนาพันธุ์สู่ธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตร เพื่อทางยา ทางอาหาร
รวยหัวเราะร่วนทั้งวัน บอกไม่เชื่อ!
สหรัฐสำรวจบ้านเรานานแล้ว ว่าภูมิอากาศด้วยสภาพร้อนชื้น และแร่ธาตุในดิน ให้กำเนิดพืชสมุนไพรอุดมสารทางยามากกว่าที่อื่น
เคยมาบีบให้ทำสัญญาด้วยหวังทางพืชสมุนไพรตั้งแต่โอบามาสมัยแรก
แต่ด้วยความเก๋าของไทย เบี่ยงไป-เลี่ยงมา ถึงตอนนี้เลยรอด
กัญชาไทยรู้จักสรรพคุณกันดีในหมู่ชนต่างชาติ แต่ด้วยตีตรายาเสพติดไว้นาน การบำรุงพัฒนาพันธุ์ไม่มี จึงด้อยสารบางชนิดไป
แต่พื้นสภาพมันพร้อม คนไทยเก่ง อย่าเอาเรื่องเปิดมาก คนจะมุ่งทางสูบ-ทางเสพมากเป็นตัวตั้ง
ถ้ามุ่งพัฒนาพันธุ์เป็นพืชสมุนไพรเพื่อการส่งออก ควบคุมการปลูก แต่กำกับดูแลการใช้
ให้ "ซื้อ-ขาย-ใช้" ภายใต้คำสั่งแพทย์
มองด้วยทัศนคติบวกอย่างนี้ ในอนาคต กัญชาจะมีทางทำให้รวยได้ ซึ่งดีกว่าตีตรายาเสพติดตายตัว
แต่โบราณ ฝรั่งยังไม่มีอิทธิพลคุม ไทยก็ใช้กัญชา "ตำรับยาไทย" รักษาชีวิตคนไทยรอดมาจะพันปีแล้ว
พอมี "สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา" กัญชาพืชสมุนไพร มีสรรพคุณเป็นยาดีๆ
กลายเป็นยาเสพติดตายตัวซะงั้น!
การแก้กฎหมายแล้วควบคุมเป็นยา ใช้ทางการแพทย์ปัจจุบัน เฉพาะ ๔ กลุ่มโรค
แล้ว "แพทย์แผนไทย" ล่ะ เอาไปไว้ที่ไหน?
ยิ่งบอกว่า ดอก-ใบกัญชา ยังเป็นยาเสพติดประเภท ๕ นี่เท่ากับปฏิเสธการแพทย์ไทยโดยตรง
มีแต่เขาจะสนับสนุนแพทย์แผนไทย ยกระดับกูรู "น้ำมันกัญชา" ที่ทำกันอยู่ใต้ดิน ให้ขึ้นมาอยู่บนดิน
เพื่อช่วยกันต่อเติมวิทยาการจากฐานกัญชาให้งอกงามเป็นตำรับพิเศษของไทย ที่ฝรั่งมังค่าชาติไหนก็ไม่มี
แต่นี่...ฆ่าฝังกลบเรียบ!
"น้ำมันกัญชา" ด้วยวิทยาการใต้ดินของคนไทย บอกว่าเถื่อน...ท่านทราบมั้ย
จากไทยแพร่ไปนอกประเทศ ใช้รักษาภายใต้กำกับดูแลของแพทย์ควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบัน แพร่หลายมาก
การออกกฎหมายนั้น........
ควรคำนึงถึง "สิทธิผู้ป่วย" ในการเข้าถึงยา เพื่อบำบัดรักษาอาการโรคของเขาด้วย
ดูตามเจตนารมณ์ที่จะออกกฎหมายตามที่พูดกันตอนนี้แทนที่จะดี กลับออกด้วยทัศนคติ
ทั้งควบคุม ทั้งจำกัดและกำจัด "สิทธิการเข้าถึงยา" อันเป็นทางเลือก "เพื่อชีวิต" ของคน ยามเจ็บป่วย
ผมว่า ทำทั้งที อย่าสักแต่ว่าทำ......
ช้านิดไม่เป็นไร ถ้าตกผลึก "สู่ทางอนาคต" ในมิติต่างๆ ที่รอบด้าน
อย่าเอาความคิดลบ ว่าเปิดมากคนไทยจะเสพกันมากเป็นโจทย์ตั้ง
"คิดบวก" ด้วยวิสัยทัศน์เพื่อ "คนรุ่นต่อไป" ไว้บ้าง
โลกที่กว้าง "ทางก็จะไม่แคบ" สำหรับเรา.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |