ดูเหมือนปฏิบัติการ “เดินคารวะแผ่นดิน” ของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เพื่อหาสมาชิก จะสร้างความสนุกสนานให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นอย่างมาก

        เพราะแต่ละวันที่ “สุเทพ” หอบหิ้ว “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค ไปตามตรอกซอกซอยและถนนสายต่างๆ มันปรากฏภาพเสียงก่นด่ามากกว่าการเยินยอ

        บรรยากาศการเดินบนถนนในวันนี้กับเมื่อกว่า 4 ปีที่แล้วของ “สุเทพ” ในฐานะ “ลุงกำนัน” เป็นไปอย่างตรงกันข้าม จากช่อดอกไม้ เงินบริจาค เพื่อสมทบทุนให้กับ “กปปส.” แปรเปลี่ยนเป็นก้อนอิฐที่พากันถาโถมใส่

        สัจจะวาจาที่ “สุเทพ” ตระบัดสัตย์ว่า จะไม่ลงเล่นการเมืองอีกหลังภารกิจล้ม “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ลงได้เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ถูกเอามาทวงถามเต็มสองข้างทางที่ตัวเองเดิน

        จากประชาชนที่ห้อมล้อม หรือรอเจอ “ลุงกำนัน” ในวันที่นกหวีดคล้องอยู่ในคอ วันนี้ “สุเทพ” เหลือแต่เพียงผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไม่กี่คนที่ขนาบข้าง หนำซ้ำคลิปถากถาง เย้ยหยัน ต่อว่า ยังออกมารายวัน

        แต่ “สุเทพ” ยังคงเดินหน้าตามอีเวนต์ “คารวะแผ่นดิน”  ต่อไป ทั้งที่ควรจะหยุดเพื่อสยบกระแสที่คนค่อนแคะตัวเองตามสองข้างทาง

        หากมองว่า “สุเทพ” ดันทุรัง ยังหลงระเริงกับคืนวันใน  กปปส. บางทีอาจประเมินนักการเมืองลายครามที่ผ่านเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองคนนี้ต่ำเกินไป

        มันอาจใช่ที่การตระบัดสัตย์ของ “สุเทพ” ทำให้เครดิตในตัว “อดีตลุงกำนัน” วันนี้ไม่เหมือนเดิมเหมือนวันก่อน แต่คนอย่างอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์มีหรือจะไม่รู้เรื่องนี้

        อย่าลืมว่า “สุเทพ” เป็นนักการเมืองสายพันธุ์ที่แตกต่างจากอดีตนักการเมืองประชาธิปัตย์คนอื่นๆ ในพรรค เหลี่ยมคูการเมืองจัดอยู่ในพวกตระกูล "แก่แต่เก๋า”

        “สุเทพ” คือคนที่ทำให้ความฝันของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในการเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นจริง หลังอาสาทำหน้าที่ “มือประสานสิบทิศ” เจรจากับ “เนวิน ชิดชอบ” ให้หอบ ส.ส.หนี “ทักษิณ ชินวัตร” มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่มีประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ

        “สุเทพ” ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) รับมือกับม็อบแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ปักหลักกลางกรุง ประกาศกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ และข้าราชการใน ศอฉ. ว่า “มีอะไรผมรับผิดชอบเอง” เพื่อเซฟเก้าอี้ “อภิสิทธิ์” ให้อยู่จนได้ประกาศยุบสภา

        “อดีตกำนันท่าสะท้อน” เป็น ส.ส.คนแรกของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศลาออกมาทำการเมือง “บนถนน” เพื่อล้มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังที่ผ่านมา “ประชาธิปัตย์”  เป็นแต่ “ฝ่ายรับ” กับเกมม็อบของกลุ่มเสื้อแดง

        อดีตแม่บ้านพรรคประชาธิปัตย์ ก่อร่างสร้างม็อบ กปปส. ชุมนุมยืดเยื้อ จนที่สุด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตัดสินใจออกมายึดอำนาจเมื่อกว่าสี่ปีที่แล้ว

        หากจะบอกว่า “สุเทพ” มีส่วนในการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคน 2 คนคงไม่ผิดนัก ครั้ง “อภิสิทธิ์” เขาใช้เหลี่ยมคูทางการเมือง ดีลจนประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลได้ ขณะที่ครั้ง “บิ๊กตู่” ม็อบชัตดาวน์มีส่วนในการเรียกทหารออกมาจากกรมกอง

        ผ่านมาทั้งการเป็นตัวตั้งตัวตีในการล้มนายกฯ และดันนายกฯ การเดินออกมาให้คนด่าในอีเวนต์หาสมาชิกมันจึงซับซ้อนกว่านั้น

        แน่ๆ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการด่าทอ คือ ทำให้ “สุเทพ” และ “รปช.” ได้รับความสนใจมากกว่าวันแรกที่เริ่มดีเดย์ หรือการนั่งไลฟ์สดคุยกับประชาชนที่ผ่านมา

        “สุเทพ” ทำให้นักการเมืองในสายเพื่อไทย เพื่อธรรม และเพื่อชาติ ออกมาเดินสายตามท้องถนนบ้าง ในเมื่อ “รปช.” ทำแล้วไม่ผิด

        “สุเทพ” ทำให้ “รัฐบาลบิ๊กตู่” สามารถมองออก และประเมินได้ว่าสถานการณ์ในประเทศตอนนี้ และการเลือกตั้งมีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างไร ผ่านปฏิกิริยาที่เขาต้องพบเจอ

        เรื่องเสียงก่นด่า ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับนักการเมืองที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน หากแต่ผลที่ได้จากการกระทำครั้งนี้มันย่อมคุ้มค่ากับการแลกคำดูถูกด่าต่างๆ นานา

      “สุเทพ” ไม่ใช่นักการเมืองภาพลักษณ์ดีมาแต่ไหนแต่ไร หลายครั้งอาสาเปลืองตัวหรือยอมเจ็บตัวเพื่อแลกกับเป้าหมายที่วางเอาไว้ ดังนั้น มันจึงเล็กน้อยมากกับแรงสะกิดเหล่านี้

        มันอยู่ที่ว่า “สุเทพ” ทำแบบนี้เพื่อแลกกับอะไร หรือต้องการอะไรต่างหาก.