ก็น่าคิด น่าสนใจ อยู่ไม่น้อย...สำหรับการเดินไป-เดินมา ไม่ว่าจะเดินแบบคารวะแผ่นดิน อย่างที่คุณลุงกำนัน เทพเทือก ท่านกำลังทำๆ อยู่ในปัจจุบัน หรือแม้แต่เมื่อครั้งอดีตยุค กปปส. ที่คุณน้อง ไอติม หลานอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เค้าเรียกว่า การเมืองแบบออฟไลน์ อาจต้องถูก ดิสรัพทีฟ จนสิ้นสภาพ เปิดช่อง เปิดทาง ให้ การเมืองแบบออนไลน์ หรือแบบ ประเทศกูมี อะไรทำนองนั้น เข้ามาแทนที่กันจนได้...

                                                                ---------------------------------------------------

      เพราะแค่ดูจากอะไรก็ไม่รู้...ที่เค้าเรียกๆ กันว่า ยอดวิว พรวดเดียวปาเข้าไประดับสิบล้าน ยี่สิบล้าน แม้ไม่อาจจำแนก แยกแยะ ออกมาได้ชัดๆ ว่าจะเป็นไปในแบบเดียวกับผู้ที่หลั่งไหลออกมานอนกลิ้ง นอนหงาย กลางท้องถนน กันในระดับ 4 ล้าน 5 ล้าน เหมือนยุค กปปส. หรือยุคปรากฏการณ์สนธิ หรือไม่ อย่างไร แต่การที่มันได้เปิดช่อง เปิดทาง ให้ใครต่อใครไม่ว่าประเภทเห็นควรด้วย หรือไม่เห็นควรด้วย ไหลเข้าไปรวมกัน หรือไล่เตะ ไล่ถีบ กันและกัน โดยแทบไม่ต้องออกเรี่ยว ออกแรง ไม่ต้องเสี่ยงกับลูกกระสุน ลูกระเบิด ไม่โดนตำรวจตามไล่จับ เอามาขึ้นโรง ขึ้นศาล ตามกฎหมายการชุมนุมฉบับใหม่อีกต่างหาก ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ ที่มันจะส่งผลให้ การเมืองออฟไลน์ กลายเป็นสิ่งที่พ้นยุค พ้นสมัย เหลือแต่ การเมืองออนไลน์ อุบัติขึ้นมาภายใต้ สังคม 4.0 กันเลยหรือเปล่า???

                                                               -----------------------------------------------------

      ซึ่งถ้าดูจากกระบวนการความเป็นไปทางการเมือง นับตั้งแต่ครั้งอดีต ย้อนกลับไปแค่ซักไม่กี่สิบปีเท่านั้นเอง โดยแนวโน้มที่มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนรูป เปลี่ยนร่าง ก็น่าจะมีความเป็นไปได้มิใช่น้อย อย่างยุคที่ ท่านขุนน้อย ยังหนุ่มฟ้อ หล่อได้ซักประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของคุณน้อง ไอติม เขา ยังถือเป็นช่วงจังหวะที่การแสดงออกทางการเมือง ด้วยกรรมวิธีแบบตั้งเวทีปราศรัย ไฮด์ปาร์กนั้น ยังคงเป็นอะไรที่ก้าวหน้า ทันสมัย อยู่พอสมควร ไม่ว่าพรรคการเมืองพรรคใดๆ ก็แล้วแต่ ย่อมมิอาจปฏิเสธเวทีหาเสียงได้เลย แม้บางครั้งต้องดัดแปลงให้กลายเป็นเวทีรำวงอยู่บ้าง เพื่อเรียกแขก เรียกผู้เข้ามาฟังการเปิดตัว แนะนำตัว ของนักการเมือง ไปจนถึงการด่ารัฐบาล ด่าฝ่ายตรงกันข้ามก็แล้วแต่...

                                                                 ----------------------------------------------------

      แม้แต่การหักโค่น เล่นงานรัฐบาลในแต่ละรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐบาลประชาธิปไตยก็ตามที หนีไม่พ้นต้องตั้งเวที จัดหาตัวแสดง ระดมนักพูด นักปราศรัย เข้ามาปลุกกระตุ้นผู้คนจนกลายเป็นขบวนประท้วง หรือขบวนการต่อต้านรัฐบาลไปจนได้ แต่หลังๆมานี้...ถ้าไม่มี เงื่อนไข หรือ เหตุปัจจัย ระดับหนักหนา สาหัส กันจริงๆ แล้ว โอกาสที่จะปลุกระดมผู้คนกันเป็นพันๆ หมื่นๆ ไม่ต้องถึงกับเป็นแสน เป็นล้าน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ออกจะเป็นอะไรที่ยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ เรียกว่าขนาดพยายามประดิษฐ์ คิดค้น มุกใหม่ๆ อาศัยเด็กใหม่ๆ หรือคนรุ่นใหม่เป็นแกนนำ ปลุกระดมกันแถวๆ สถานีรถไฟฟ้า หรือแถวๆ อนุสาวรีย์แห่งไหนๆ ก็แล้วแต่ อย่างมาก...มากันแค่ระดับหลักร้อย หรือระดับหลักสิบ ก็ยังมี...

                                                                 --------------------------------------------------------

      ต่างไปจากการเปิดฉาก เปิดเวที ใน ออนไลน์ ที่นอกจากไม่ต้องลงทุน ลงเรี่ยว ลงแรง อะไรกันมากมาย แถมอาจไม่ต้องเสียเวลาประดิษฐ์ คิดค้น มุกใดๆ เอาเลยก็แล้วแต่ แค่คิดคำด่าให้เจ็บๆ เข้าไว้ หยิบเอา ข่าวจริง หรือ ข่าวปลอม ก็ยังได้ มาใช้เป็นตัวเรียกแขก แวบเดียวเท่านั้น...อาจมีคนตามไป กดไลค์-กดไม่ไลค์ กันเป็นหมื่นๆ แสนๆ การเมืองออนไลน์ มันจึงน่าจะกลายเป็นตัวดิสรัพทีฟ ไล่เตะ ไล่ถีบ การเมืองออฟไลน์ ให้ต้องกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัย พ้นสมัย ไปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ แบบเดียวกับที่อินเทอร์เน็ต มันไล่ถีบวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ตลอดไปจนถึงซีดี ดีวีดี ฯลฯ ซะจนหายเกลี้ยงไปเป็นแผงๆ นั่นแล...

                                                                  -------------------------------------------------------

      ส่วนมันจะเหมาะ-ไม่เหมาะ ดี-ไม่ดี...อันนั้นคงเป็นอีกเรื่อง แต่ที่แน่ๆ ก็คือบรรดา ความเปลี่ยนแปลง ทั้งหลายนั้น ย่อมเป็นสิ่งซึ่งมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ มีแต่ต้องหาทางปรับตัว ปรับใจ ปรับสภาพ ให้สอดคล้องไปกับความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ อย่างเหมาะสม กลมกลืน มันถึงจะสามารถสร้างในสิ่งที่ดี หรือแยกแยะสิ่งดี-สิ่งไม่ดี ออกจากกันได้มั่ง ไม่เช่นนั้น... ความดีแบบออฟไลน์ อาจต้องเลือนหาย ระเหิดหาย ไม่ต่างจากน้ำค้างตอนสายๆ ไม่มีสิทธิ์สืบทอด ก่อเกิด หรือส่งมอบ ความดีแบบออนไลน์  ให้ใครๆ ได้เลย ด้วยเหตุเพราะทุกสิ่งทุกอย่าง มันถูก ดิรัพทีฟ กันไปหมดแล้ว...

                                                                 ---------------------------------------------------------

      อันนี้นี่แหละ...ที่บรรดาผู้ซึ่งถูกจัดอยู่ในประเภท คนรุ่นเก่า ทั้งหลาย คงต้องหยิบมานั่งนึก ตรึกตรอง กันให้มากๆ เข้าไว้ ว่า ความเปลี่ยนแปลง ดังกล่าว มันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงหรือไม่ อย่างไร และถ้าหากมันเป็นจริง เป็นจัง หรือกำลังเป็นไปเช่นนั้น การสืบทอด ก่อเกิด หรือการส่งมอบแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง จากคนรุ่นหนึ่ง ไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง ควรจะเป็นไปในแนวไหน แบบไหน เพราะภายใต้ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายทั้งปวง สิ่งที่ไม่ควรเปลี่ยนแปลงโดยเด็ดขาด นั่นก็คือความซื่อสัตย์ สุจริต ความดี ความงาม ความเสียสละ ความกล้าหาญ ฯลฯ ที่จะต้องดำรงคงอยู่ในฐานะ สัจธรรม หรือ คุณธรรม อันเหนือไปกว่าความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตาม...

                                                            ----------------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก H. Jackson Brown Jr. ... Live so that when children think of fairness and integrity, they think of you. - จงดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างให้กับเด็กๆ จนเมื่อพวกเขานึกถึงความยุติธรรมและความซื่อตรง มั่นคง พวกเขาจะนึกถึงคุณ...

                                                              ---------------------------------------------------------------