สมคิดจ้อCEOโลก ยันลงทุนไม่สะดุด ได้นายกฯหน้าเดิม


เพิ่มเพื่อน    

          “สมคิด” จ้อนักลงทุนระดับซีอีโอโลกกว่า 400 คน ชี้ไม่ต้องกังวลการเลือกตั้งจะทำให้สารพัดโครงการสะดุด เพราะมีลางสังหรณ์ นายกฯ คนใหม่จะหน้าตาคล้ายๆ เดิม พร้อมโอ่ไทยประเทศน่าลงทุน
          เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่โรงแรมดิ แอทธินี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 18 โดยมีนักธุรกิจบริษัทชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศระดับซีอีโอกว่า 400 คน มาร่วมงาน 
          โดยนายสมคิดเริ่มปาฐกถาว่า ไทยเป็นประเทศเล็กๆ ในเอเชีย โดยเร่งสร้างรายได้ประชาชนเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่มากเพื่อปรับเปลี่ยนประเทศให้เข้าสู่โลกยุคดิจิทัล ถึงแม้ไทยจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่มั่นใจและมีความหวังที่จะสร้างอนาคตประเทศ และพร้อมเผชิญกับปัญหาข้างหน้าเพื่อพัฒนาและให้มาลงทุนในไทย ซึ่งเหตุผลที่ทำไมต้องมาลงทุนในไทย เพราะไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเผชิญความท้าทายทั้งในการเมืองและเศรษฐกิจ จนนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในที่สุด แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้วางรากฐานสำคัญในการสร้างศักยภาพความเข้มแข็ง ถึงแม้ไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็เป็นครั้งแรกในหลายทศวรรษที่มุ่งเข็มปฏิรูปนับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง
          “3 ปีที่ผ่านมาไทยได้ชื่อว่าเป็นผู้ป่วยแห่งอาเซียน คนออกมานอกถนน จีดีพีต่ำว่า 1% แต่ขณะนี้จีดีพีขึ้นมา 4.8% เป็นประเทศเดียวในไม่กี่ประเทศที่ได้รับการปรับจีดีพีให้สูงขึ้นจากสถาบันระดับโลก ที่สำคัญที่สุด ตลาดหุ้นไทย ท่ามกลางสงครามการค้าตลาดทุนไทยเป็นแหล่งลงทุนที่มีความปลอดภัยสูง (เซฟเฮฟเวน) ที่ดีที่สุดในภูมิภาคนี้” นายสมคิดกล่าว
          นายสมคิดยังกล่าวว่า ไทยตั้งอยู่ใจกลางอาเซียน ใจกลางกลุ่มประเทศ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV) ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไทยได้รับการยอมรับและเชื่อมั่นตลอดเวลา และในอนาคตข้างหน้าจีน ญี่ปุ่นก็ไม่ต้องแข่งขันกัน แต่จะเอาจุดแข็งของจีนและญี่ปุ่นมาลงทุนในประเทศที่ 3 ซึ่งมีไทยอยู่ด้วย โดยจีนและญี่ปุ่นสนใจการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและสมาร์ทซิตี้ในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) โอกาสอยู่หน้าประตูบ้านแล้ว สงครามการค้าทำให้ถูกมองว่าไทยคือทางออก เพราะฉะนั้นอยู่ที่ประเทศเราว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หรือไม่ รัฐบาลนี้พยายามให้เปลี่ยนแปลง ถึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราจะทำ
         “วันนี้ใกล้เลือกตั้ง มีคนมาบอกว่าไหนบอกว่าเศรษฐกิจดี ทำไมคนจนมีเยอะ ความเหลื่อมล้ำมีเยอะ ก็นี่แหละคือผลพวงของการเมืองที่ไม่สามารถไปแก้ปัญหาในระดับรากเหง้า รดน้ำที่ใบตลอด 10 ปี ปัญหาไม่ได้รับแก้ไข ซึ่งไม่ใช่ความผิดรัฐบาลนี้ แต่เพราะทุกรัฐบาลที่ผ่านมาที่ไม่ทุ่มเทเท่าที่ควร การเมืองวันนี้อย่างเดียวคือ ประกันราคาสินค้า เป็นปัญหาสะสมที่ต้องแก้ไขด้วยการปฏิรูป และอยู่ที่ความจริงจังของรัฐบาล”นายสมคิดระบุ
         นายสมคิดกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจเสียใหม่ คือ 1.ต้องสร้างความสมดุลเศรฐกิจในประเทศกับการส่งออก เปลี่ยนภาคการเกษตรโดยการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ค้าขายอีคอมเมิร์ซจากชนบทไปสู่โลก ทำให้ประเทศเป็นเซอร์วิสเซ็กเตอร์เป็นตัวนำ 60% คือการท่องเที่ยว ไฟแนนซ์และแบงกิ้ง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวต้องได้รับการพัฒนาจากจังหวัดเมืองใหญ่ไปเมืองรอง
        2.การสร้างมูลค่าของอุตสาหกรรมท้องถิ่นและสร้างมูลค่าของอุตสาหกรรมใหม่ในอนาคตข้างหน้าโดยเพิ่มมูลค่าจากอุตสาหกรรมที่มีอยู่เดิม เช่น รถยนต์ไฟฟ้า โดยจะทำให้เกิดขึ้นได้โดยการออกโครงการอีอีซีซึ่งมาจากการยกระดับจากแหลมฉบังและมาบตาพุดเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา แต่จะทำให้ใหญ่เป็นแหล่งผลิตและศูนย์กลางการขนส่งของ CLMV เข้า-ออก ไทยเป็นประตูระดับนานาชาติ 3.เมกะโปรเจ็กต์ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินจะเกิดการประมูลในไม่ช้า ซึ่งเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ครม.อนุมัติ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา, ศูนย์ซ่อมอากาศยาน, ท่าเรือแหลมฉบัง และมาบตะพุดระยะที่ 3
        “5 โครงการนี้จะทำให้นโยบายอีอีซีสมบูรณ์ นอกจากนี้ ในกรุงเทพฯ รถไฟฟ้าจะก่อสร้างอีก 3-4 เส้น กำลังออกทีโออาร์ และรถไฟขนส่งระหว่างเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ตและขอนแก่นกำลังเกิดขึ้น” นายสมคิดกล่าว และว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการลงทุนดิจิทัล เมื่ออินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นทุกหมู่บ้าน จะเกิดการเชื่อมโยงกับสาธารณสุขและการศึกษา รวมถึงความร่วมมือกับเอกชน เช่น การยกระดับเอสเอ็มอีไปสู่ดิจิทัล
          ในช่วงท้าย นายสมคิดกล่าวอีกว่า จะมีการเลือกตั้งต้นปี นักลงทุนจำนวนมากถามว่าจะสะดุดไหม ที่วางแผนไว้จะหยุดหรือไม่ ขอบอกว่าอย่าห่วงเลย การเมืองเมืองไทยก็แบบนี้ เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำมามีส่วนไหนที่เป็นโทษกับประเทศหรือไม่ ถ้าไม่มีโทษ ถ้าจะเปลี่ยนแปลงก็ต้องให้ดีขึ้น ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้เสียง 
“ไม่ห่วงว่าใครจะมายกเลิกโครงการอีอีซี ยกเลิกไปสิ อะไรจะเกิดขึ้นกับเสียงของคน คนในห้องนี้จะโหวตให้หรือไม่ ไม่มีทาง เพราะฉะนั้นอย่างมากก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ซึ่งเราไม่ต้องการผูกขาดไอเดียไว้ทั้งหมด”นายสมคิดกล่าว
         รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนโครงการสำคัญๆ ทีโออาร์ออกมาก่อนเลือกตั้งแน่นอน โดยกฎหมายต้องเดินไปอยู่แล้ว โปรเจ็กต์ใหญ่ต้องเกิด อีอีซีต้องเกิด เพราะเรามีคณะกรรมการปฏิรูป คณะกรรมการยุทธศาสตร์ โดยรัฐธรรมนูญ ถ้าออกนอกทางยุทธศาสตร์ ต้องคุยกันยาว ไม่ใช่ทำได้ง่าย
          “ที่สำคัญมาก อย่าวิตกกังวล ผมมีลางสังหรณ์ว่า นายกฯ คนต่อไปหน้าตาจะคล้ายๆ คนเดิม แต่ว่าด้วยสิ่งที่รัฐบาลทำมา คนต้องเห็น เราไม่พูด เราไม่คุย แต่เราต้องการทำให้ดีกว่ารัฐบาลเดิม เมืองไทยไปได้ไกลกว่านี้ เป็นมิตรกับทุกฝ่ายแล้วเราจะไปด้วยดี” นายสมคิดกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"