'ไอติม'ปลดประจำการ ภารกิจการเมืองแรกเลือกหัวหน้าปชป.


เพิ่มเพื่อน    

31 ต.ค. 61 - ที่หน้ากองบังคับการกองพันทหารราบมณฑลหารบกที่ 11 (บก.พัน ร. มทบ.11 ) มีพิธีอำลาธงชัยเฉลิมพลและมอบใบประกาศเกียรติคุณให้ทหารกองประจำการ ที่ครบกำหนดปลดปล่อยจำนวน 450 นาย โดยมีพล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่11 (มทบ.11)เป็นประธาน ทั้งนี้มี พลทหารพริษฐ์ วัชรสินธุ์ หรือ "ไอติม" หลานชายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รวมอยู่ด้วย

พลทหารพริษฐ์ เป็นผู้แทน กล่าวว่า "พวกกระผมทหารกองประจำการรุ่นปีพุทธศักราช 2559 และทหารกองประจำการที่ขอใช้สิทธิลดรับราชการน้อยกว่า 2 ปี ซึ่งรับราชการมาครบกำหนดปลดปล่อยเป็นทหารกองหนุนตามพระราชบัญญัติรับราชการทหารตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป มีความรู้สึกภูมิใจที่ได้เข้ามารับราชการทหารที่ มทบ.11 แห่งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกกระผมได้รับความเมตตาจากผู้บังคับบัญชาทุกท่านที่ดูแลให้ความรู้ และสั่งสอนอบรมให้พวกกระผมเป็นผู้มีระเบียบวินัยเป็นสิ่งที่ผมจะจดจำไว้ตลอดไป

ถึงวาระที่พวกกระผมจะได้รับการปลดปล่อยออกจากกองประจำการกลับภูมิลำเนาเดิม เพื่อจะนำความรู้ความสามารถไปใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงดูครอบครัว สร้างความเจริญให้ชุมชนของตน ตลอดจนแสวงหาโอกาสในการพัฒนาประเทศ สิ่งหนึ่งที่พวกกระผมจะระลึกอยู่ในจิตใจตลอดไปว่า เราคือทหารของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากมีเรื่องที่ไม่ดีงามซึ่งจะมีผลกระทบต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนพวกกระผมจะรายงานให้ทราบ พวกกระผมจะยึดมั่นในคำสัตย์ปฏิญาณตนที่ให้ไว้ต่อธงชัยเฉลิมพลมิเสื่อมคลาย ทั้งจะเป็นทหารกองหนุนที่ดีของกองทัพบก และพวกกระผมยินดีกลับมารับใช้ชาติอีก เมื่อชาติต้องการ"

ทางด้าน พล.ต.ธราพงษ์  กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้รับมอบใบประกาศเกียรติคุณ  ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการอุทิศตนทำงานให้กับหน่วยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยในช่วงรับราชการ พิธีในวันนี้ถือเป็นพิธีที่มีเกียรติ เพราะมีการเชิญธงชัยเฉลิมพล ซึ่งธงชัยเฉลิมพลนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดประจำหน่วยทหาร การที่จะนำธงชัยเฉลิมพลออกมานั้นต้องเป็นวาระที่สำคัญ พิธีวันนี้ถือเป็นพิธีที่สำคัญในการปลดประจำการก่อนกลับสู่ภูมิลำเนา ทั้งนี้ ขอขอบใจที่ได้อุทิศกำลังกาย กำลังใจ เสียสละ มารับราชการเพื่อรับใช้ชาติใน มทบ.11 

"แม้จะปลดประจำการไปแล้วแต่ทุกคนก็ยังเป็นเหมือนสมาชิกของบ้านแห่งนี้ซึ่งให้ระลึกว่าเป็นบ้านหลังที่ 2 หากมีปัญหาต้องการให้ช่วยเหลือให้กลับมาที่หน่วยได้ อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนเป็นตัวแทนของกองทัพหากพบสิ่งใดที่ไม่เรียบร้อยและเป็นปัญหาของชาติเช่นเรื่องยาเสพติดอาวุธสงครามหรือเรื่องต่างๆผิดกฎหมายขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่หรือหน่วยต้องสังกัดเดิมเพื่อแก้ไขให้เรียบร้อย ขอให้ระลึกว่าเป็นทหารของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถาบัน ชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์รวมถึงประชาชน" พล.ต.ธาราพงษ์ ระบุ

ภายหลังเสร็จพิธี พลทหารพริษฐ์  ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่ได้ทำหน้าที่ตามกฎหมาย หลังจากนี้จะได้กลับไปทำอาชีพที่ถนัด คืออาชีพทางการเมือง 6 เดือนที่ผ่านมาถามว่าถ้าไม่มีระบบการเกณฑ์ทหาร ตนจะมาเป็นทหารหรือไม่ ถ้าให้ตอบตรงๆ ก็คงไม่ เพราะสนใจอาชีพด้านอื่นและมีความถนัดอย่างอื่นมากกว่า แต่เมื่อมาอยู่ตรงนี้แทนที่จะตีโพยตีพาย หรือมานั่งฝืน ว่าจะเสียอะไรไปบ้าง เชื่อว่าตัวของตนไม่ได้เสียอะไร เมื่อเทียบกับอีกหลายคนที่มีภาระทางการเงินและครอบครัว ตนจึงมาคิดว่าได้อะไรไปบ้าง

ทั้งนี้สิ่งที่ได้ก็คือได้เรียนรู้มากขึ้นถึงข้อดีข้อเสียของระบบการเกณฑ์ทหาร ระบบการรับราชการทหาร ซึ่งในอนาคตคงจะมีการพูดถึงเรื่องนี้อีก โดยตนได้เรียนรู้เกี่ยวกับปัญหาสังคมของประเทศไทย คงไม่มีโอกาสดีกว่านี้แล้วที่ตนจะได้กินข้าวหม้อเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน อาบน้ำขันเดียวกับเพื่อนๆ พี่ๆ คนไทยอีก 70-200 คน เป็นเวลาหลายเดือน ถ้าตนไม่ได้มาเป็นทหารก็คงไม่ได้เจอพวกเขา และเขาจะเป็นเพื่อนผมไปตลอดชีวิต ซึ่งได้เปิดมุมมองและเห็นปัญหาของแต่ละคนว่ามีอะไรบ้าง 

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะดำเนินการงานทางการเมืองอย่างไร พลทหารพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว โดยภารกิจแรกก็คือการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญของการเมืองไทยและเป็นเหตุการณ์แรกในประวัติศาสตร์ที่พรรคการเมืองอนุญาตให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศเลือกตั้งหัวหน้าพรรคได้.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"