สหรัฐฯ กับจีนเปิดศึกการค้าจนทำให้โลกสั่นสะเทือนกว้างไกล แล้วก็เริ่มมีคนสงสัยว่าจะเกิดสงครามที่แลกหมัดกันด้วยอาวุธหรือไม่
ผมไม่เชื่อว่าจะเกิดสงครามเต็มรูปแบบ แต่หากโดนัลด์ ทรัมป์เล่นเกมดุดันต่อเนื่อง กดดันจีนด้วยการข่มขู่ สีจิ้นผิงของจีนก็คงไม่ยอม แม้ปักกิ่งจะต้องเจ็บปวด แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นจีนก็คงจะพร้อมปักหลักสู้
ความน่ากลัวอยู่ที่ทรัมป์ประเมินสีจิ้นผิงต่ำไป
และสีจิ้นผิงก็อาจประเมินความบ้าระห่ำของทรัมป์น้อยไปเช่นกัน
ล่าสุดมีคำพยากรณ์จากอดีตนายทหารใหญ่ของสหรัฐฯ ประจำยุโรปที่ทำเอาผู้คนแตกตื่นกันพอสมควร
พลโท (เกษียณ) Ben Hodges ไปพูดในเวที Warsaw Security Forum ที่โปแลนด์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ขอให้ประเทศยุโรปช่วยกันดูแลความมั่นคงของตัวเองให้จงดี
“เพราะมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจทำสงครามกับจีนใน 15 ปี...”
นายพลคนนี้เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ประจำยุโรปตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปีที่แล้ว แกจึงไม่ได้พูดเปรยๆ แบบคาดการณ์เล่นๆ ให้ตกใจ
วันนี้แกมีตำแหน่งเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์” ประจำศูนย์วิเคราะห์นโยบายแห่งยุโรป มีหน้าที่ประเมินความเสี่ยงของสงครามระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศยักษ์ๆ เช่นจีนและรัสเซีย
พลโทเบ็น ฮอดเจส บอกว่าวอชิงตันจำเป็นต้องทุ่มเททรัพยากรทั้งหลายเพื่อปกปักรักษาผลประโยชน์ของตนในมหาสมุทรแปซิฟิก และอเมริกาจำเป็นต้องพึ่งพาพันธมิตรในยุโรปเป็นเสาค้ำหลัก เพราะรัสเซียก็กำลังเพิ่มแสนยานุภาพทางทหารของตัวเองในย่านนี้
“สหรัฐฯ ไม่มีศักยภาพที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างในยุโรปและแปซิฟิกพร้อมๆ กันในอันที่จะตั้งรับกับการคุกคามของจีนได้” แกประกาศอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ไม่เกรงใจว่าจีนหรือรัสเซียจะได้ยินแล้วจะโต้แย้งกลับว่านายพลคนนี้พูดจาหาเรื่องหรือไม่ แกบอกว่าสหรัฐฯ ยังยึดมั่นในพันธกรณีกับยุโรปอย่างเหนียวแน่น แต่คนที่ฟังวันนั้นจะเชื่อแกแค่ไหนไม่ทราบ เพราะเสียงของทรัมป์ที่ต่อว่าต่อขานยุโรปยังดังก้องอยู่
ทรัมป์วิพากษ์สมาชิกนาโต (NATO: North Atlantic Treaty Organization) อย่างรุนแรงตั้งแต่ตอนหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว อ้างว่าอเมริกาควักกระเป๋ามากกว่าคนอื่น และหากสมาชิกนาโตยุโรปไม่เพิ่มสัดส่วนของงบกลาโหมตัวเอง วอชิงตันก็อาจจะต้องทบทวนบทบาทในนาโต
พูดอย่างนี้ก็เท่ากับเป็นการทำลายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของนาโตที่มีมายาวนาน
และทำให้วลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียนั่งยิ้มอยู่คนเดียว เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานาโตได้ประกาศให้รัสเซียเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งมาตลอด
วันนี้ทรัมป์ทำท่าจะ “ซี้” กับปูตินมากกว่าผู้นำนาโตคนใดๆ ที่ผ่านมา อีกทั้งยังขู่ว่าจะทบทวนบทบาทสหรัฐฯ ในนาโตอีกด้วย
แต่ในคำปราศรัยที่วอร์ซอร์วันก่อน นายพลเบ็น ฮอดเจสกลับส่งสัญญาณอีกอย่างหนึ่ง ด้วยการยืนยันว่าอเมริกาจะทุ่มงบประมาณทางทหารอย่างต่อเนื่องในยุโรป ด้วยการฝึกและส่งทหารมาประจำการหมุนเวียน
โดยมองไปข้างหน้าว่าจะต้องเตรียมการสร้างความแข็งแกร่งทางทหารให้ยุโรป เผื่อว่าอเมริกาจะต้องทำสงครามกับจีนใน 10 ถึง 15 ปีข้างหน้า
สัญญาณความตึงเครียดระหว่างสองยักษ์ใหญ่มีให้เห็นในหลายๆ ด้าน
นอกจากสงครามการค้าแล้ว เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนนี้ เรือพิฆาตลาดตระเวนมะกันยังก็วิ่งเฉียดกับเรือรบจีนในทะเลจีนใต้ จนเป็นเหตุให้เกิดความกังวลว่าการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งอาจจะเกิดบ่อยมากขึ้น และอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงอันไม่พึงปรารถนาในย่านนี้ได้
นายพลคนนี้บอกว่าจีนยัง “พยายามขโมยเทคโนโลยี” ของสหรัฐฯ และสร้างความได้เปรียบด้านโครงสร้างพื้นฐานด้วยการลงทุนในแอฟริกาและยุโรป
“ตอนนี้ในยุโรปเอง จีนเป็นเจ้าของท่าเรือไปแล้วมากกว่า 10%” แกบอก
และเมื่อมีข้อกล่าวหาจากอเมริกาว่าจีนกับรัสเซียได้ดักฟังบทสนทนาส่วนตัวของทรัมป์กับคนอื่นๆ ผ่านมือถือยี่ห้อไอโฟน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนก็เห็นเป็นเรื่องขบขัน
นอกจากจะยืนยันว่าจีนไม่เคยล้วงตับทรัมป์ผ่านมือถือแล้ว โฆษกสาวจีนคนนั้นก็ยังประชดประชันในลักษณะหยามเหยียดด้วยการบอกว่า
“ดิฉันเสนอว่าถ้าหากกลัวว่าจะถูกดักฟังผ่านไอโฟน ท่านประธานาธิบสหรัฐฯ ก็น่าจะเปลี่ยนมาใช้ยี่ห้อหัวเหว่ยของจีนนะคะ”
ปวดแสบปวดร้อนไหมครับ?
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |