"ธนสิทธิ์" พี่ชาย "บูม" เข้ารับทราบข้อหาร่วมกันฟอกเงินจากพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ให้การปฏิเสธ ยันไม่เคยรับโอนเงิน 100 ล้านจากนักธุรกิจชาวฟินแลนด์ดังที่เป็นข่าว ส่วนการโอนเงินจากบริษัทบิตคอยน์ เป็นการทำธุรกิจปกติ ลุ้นพ่อแม่เข้ารับทราบข้อหา 1 พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมนี้ นายธนสิทธิ์ จารวิจิต พี่ชายคนรองของนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม ดารานักแสดง เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามตามหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา "ร่วมกันฟอกเงิน" ในคดีหลอกนายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา นักธุรกิจชาวฟินแลนด์ ลงทุนซื้อหุ้นด้วยเงินสกุลบิตคอยน์ จำนวน 797 ล้านบาท โดยตำรวจพบมีเงินกว่า 100 ล้านบาทจากผู้เสียหายโอนเข้าบัญชีนายธนสิทธิ์ และมีการโอนเงินไปที่บัญชีนายปริญญา เบื้องต้นนายธนสิทธิ์ให้การปฏิเสธและยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ โดยวันนี้ได้เตรียมพยานหลักฐาน เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในคดีมามอบให้พนักงานสอบสวนด้วย
เมื่อนายธนสิทธิ์เดินทางไปถึงกองปราบฯ ก็เข้าไปในห้องสอบสวนให้ปากคำเกี่ยวกับคดี โดยขั้นตอนคือตำรวจจะแจ้งข้อกล่าวหาและปล่อยตัวกลับ เนื่องจากเป็นการเข้าพบตามหมายเรียก
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อนายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา นักธุรกิจชาวฟินแลนด์ เข้าแจ้งความกองปราบฯ ว่าถูกนายปริญญา จารวิจิต และพวก หลอกลงทุนซื้อหุ้นด้วยเงินสกุลบิตคอยน์ จำนวน 797 ล้านบาท ซึ่งต่อมาศาลออกหมายจับนายปริญญา น.ส.สุพิชย์ฌา และนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม ดารานักแสดงหนุ่ม สามพี่น้อง ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน เนื่องจากพบนายปริญญาโอนเงินที่หลอกลวงมาได้ไปเข้าบัญชี น.ส.สุพิชฌาย์ และนายจิรัชพิสิษฐ์
ต่อมาตำรวจออกหมายเรียกนายธนสิทธิ์ เนื่องจากพบความเชื่อมโยงทางบัญชีการเงิน โดยนายธนสิทธิ์รับโอนเงินจากนายเออาร์นีโดยตรงกว่า 100 ล้านบาท ก่อนที่เงินดังกล่าวจะถูกโอนเข้าบัญชีนายปริญญา พี่ชาย
ส่วนคดีร่วมกันฉ้อโกง ตำรวจกองปราบฯ สรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหา 4 คน คือ นายปริญญา น.ส.สุพิชย์ฌา นายธนสิทธิ์ และนายจิรัชพิสิษฐ์ ต่ออัยการไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่คดีร่วมกันฟอกเงิน มีการดำเนินคดีรวม 6 คน คือนายปริญญา น.ส.สุพิชย์ฌา นายธนสิทธิ์ นายจิรัชพิสิษฐ์ นายสุวิทย์และนางเลิศฉัตรกมล จารวิจิต บิดาและมารดา มีการแจ้งดำเนินคดีแล้ว 4 คน เหลือพ่อและแม่ที่จะมารับทราบข้อหาวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้
ภายหลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบฯ นานกว่า 2 ชั่วโมง นายธนสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินตามหมายเรียก ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว หรือเป็นล่ามให้พี่ชายเจรจากับนายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา ผู้เสียหายเรื่องการลงทุน และมั่นใจในพยานหลักฐานที่นำมายื่นต่อพนักงานสอบสวนในวันนี้ ว่าจะสามารถตอบข้อสงสัยให้กับพนักงานสอบสวนได้
นายธนสิทธิ์ชี้แจงกรณีมีข่าวว่ามีเงินจากบัญชีนายเออาร์นีโอนเข้าบัญชีตนเองกว่า 100 ล้านบาท ยืนยันไม่มีการโอนเงินเข้าบัญชีตนเอง และที่ผ่านมาก็ไม่เคยพูดคุยกับผู้เสียหายในเรื่องของการลงทุน แต่ยอมรับว่ามีเงินโอนมาจากบัญชีของบริษัท บิทคอยน์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งขึ้นตรงกับธนาคารแห่งประเทศไทย ผ่านเข้ามาที่บัญชี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจบิตคอยน์ที่จะมีเงินเข้า-ออกมาโดยตลอด
นายธนสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ครอบครัวอยู่ระหว่างเตรียมนำเอกสารจากสถานกงสุล ที่พี่ชายได้ทำไว้ว่าจะเดินทางกลับมามอบตัวสู้คดีในประเทศไทย ยื่นประกอบคำขอประกันตัวต่อศาล และขอความเป็นธรรมว่าพี่ชายไม่ได้หลบหนี เชื่อว่าหากพี่ชายได้ประกันตัวจะแก้ไขปัญหาหรือพูดคุยกับผู้เสียหาย ทำให้คดีคลี่คลายและจบลงได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |