31 ม.ค.61- ผู้สื่อข่าวได้พบกับนางธิราภรณ์ นันทรัตน์ อายุ 47 ปี คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เกษตรกรชาวบ้านขามพัฒนา ม.12 ต.ทับทัน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ซึ่งหันมาประกอบอาชีพทำเกษตรแบบผสมผสานตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9  เป็นเกษตรอินทรีย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อหรือไม่ว่าแม้จะใช้เนื้อที่เพียงแค่ 3 งาน สามารถมีรายได้เดือนละกว่า 10,000 บาทเลยทีเดียว
    ภายในแปลงเกษตรอินทรีย์ซึ่งมีเนื้อที่เพียงแค่ 3 งาน แต่ถูกเนรมิตให้เป็นสวนผักที่มีพืชผักเกือบครบทุกชนิดที่นิยมบริโภคและตลาดต้องการ ทั้งผักกินใบและผักสวนครัวรวมทั้งพืชสมุนไพร เช่น ผักคะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง มะเขือ ถั่วฝักยาว แตงกวา ผักขมแดงผักขมเขียว โหรพา แมงลัก กระเพา ขิงข่า พริก มะนาว หรือแม้แต่ดอกชมจันทร์ เป็นต้น เรียกว่ามีครบจบภายในสวนเดียวและทุกอย่างเป็นผักปลอดสารพิษ ผ่านการรับรองจากกระทรวงเกษตรที่ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบทั้งดิน น้ำ และผลผลิต ซึ่งเป็นเกษตรอินทรีย์ปลอดภัย100 เปอร์เซ็นต์
    นางธิราภรณ์ เล่าว่า หันมาประกอบอาชีพทำเกษตรแบบผสมผสานตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9  เป็นเกษตรอินทรีย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ มานานแล้ว ปลุกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก อาทิ ปลูกข้าวโพด ถั่ว แตงกวา ต้นหอม ผักชี ใบอีตูลาว หรือใบแมงลัก  ใบบัวบก มะเขือ ผักบุ้ง โหระพา มะพร้าม มะละกอ กล้วยเตี้ย กล้วยหอมทอง และกล้วยหักมุก ทุกๆวันจะมีแม่ค้ามารับถึงหน้าสวน มีรายได้ 200-300 บาทต่อวัน ก็พออยู่ได้อย่างพอเพียง
    กิจวัตรประจำวัน ตื่นขึ้นมาต้องรดผักก่อน รดน้ำผักเสร็จก็เก็บผักขาย ตามที่แม่ค้าโทรมาสั่ง หรือเก็บตามออเดอร์ หลังจากนั้นกลับไปบ้าน หุงข้าวทำกับข้าว เอาวัวที่เลี้ยงไว้ 2 ตัวออกมาเลี้ยง
    "รู้สึกมีความสุขที่ได้เดินตามพ่อ ร.9 สอน ทำงานไปเปิดวิทยุฟังเพลงไปก็มีความสุขดี"
    เธอยังเล่าว่าการปลูกผัก เริ่มต้นจากปลูกน้อยไปหามาก ปลูกตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อย พยายามศึกษาเรียนรู้ไปเรื่อยๆ หาความรู้จากกการฟังวิทยุ โทรทัศน์ และดูเพื่อนบ้าน แล้วนำมาปรับใช้จนประสบผลสำเร็จ
    ผักที่เก็บขายขายจะล้างทำความสะอาดอย่างดี บรรจุถุงละ 2 ก.ก. อย่างขึ้นฉ่ายทุกวันนี้ราคาถูกก็จะขายได้ ก.ก.ละ 40 บาท ผักกาดเขียว 3 กำ 10 บาท ผักบุ้ง 3 กำ 10 บาท ส่วนข้าวโพดขายส่งฟักละ 3 บาท แม่ค้ารับไปขายต่อในราคาฟักละ 5 บาท.