เผชิญหน้าสู้หนี้


เพิ่มเพื่อน    

    
    แม้ว่าจะผ่านมากว่า 20 ปีแล้ว แต่วิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 ก็ยังคงตามหลอกหลอน และสร้างบาดแผลให้กับอีกหลายครอบครัวจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตระกูล “ถาวรว่องวงศ์” นักธุรกิจชื่อดังของภูเก็ตก็เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่เจ็บปวดกับเหตุการณ์ครั้งนั้น เพราะการลงทุนที่กู้ยืมมาในการขยายธุรกิจ ทั้งกิจการโรงแรม กิจการโรงภาพยนตร์ และธุรกิจโชว์รูมรถในจังหวัดภูเก็ต ดันเจอปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง และเกิดเป็นหนี้เสียมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท
    “ตั้งแต่ผมอายุ 7 ขวบ ผมก็เห็นคุณพ่อผมวิ่งวุ่นเจรจาขอประนอมหนี้กับ บสท.มาตลอด ขนาดผ่านมา 20 ปีก็ยังเป็นเหมือนเดิม ตอนผมกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว ผมต้องเจอกับหนี้สินมหาศาลที่แบกเอาไว้ และยังพบว่าธุรกิจของเราขาดสภาพคล่องอย่างหนัก นับเงินรวมในบัญชีมีไม่ถึง 5 ล้านบาท ตอนนั้นยอมรับว่ารู้สึกเสียวสันหลังวูบ เราจะอยู่กันได้อย่างไร” นายเลิศ ถาวรว่องวงศ์ กรรมการบริหาร โรงแรมในเครือถาวร โฮเทล แลนด์ รีสอร์ท กล่าวรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
    เคสการจัดการปัญหา เพื่อรักษาธุรกิจของถาวรว่องวงศ์ ถือเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ จัดเป็นการคัมแบ็กทางธุรกิจที่มหัศจรรย์เคสหนึ่งของวงการธุรกิจไทยเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะเคลียร์ปัญหาหนี้สินได้เบาบางลงไปได้แล้ว ยังสามารถรักษาชีวิตของธุรกิจ และสร้างผลตอบแทนจากเคยขาดทุนมากว่า 20 ปี จนปิดตัวเลขเป็นบวก และมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    โดยเลิศ นักธุรกิจหนุ่มวัยเพียง 28 ปี สามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ เพราะเขาให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาทางการเงิน ที่ยึดถือเป็นภาระหน้าที่หลัก
    “ตอนผมจะกลับมาทำงาน ผมคุยกับคุณพ่อว่า ต้องขายธุรกิจที่ไม่สร้างรายได้ออกไป ซึ่งตอนนั้นหนี้จากธุรกิจที่ไม่สร้างรายได้ถึง 3,000 ล้านบาท และหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้มีราวๆ 1,000 ล้านบาท ตอนนั้นผมยื่นคำขาดกับครอบครัวว่า ถ้าไม่ขาย ธุรกิจครอบครัวก็จะจบที่รุ่นสุดท้ายของคุณพ่อและผมจะไม่ทำแล้ว และสุดท้ายทางครอบครัวก็ยอมรับการตัดสินใจของผม”
    หลักการแก้วิกฤติของผม คือ การบริหารจัดการเงินสด และเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ ตอนนั้นพอครอบครัวตัดสินใจตัดขายทรัพย์สินและเริ่มเคลียร์หนี้สิน ในอีกด้านเราก็เริ่มอีกด้าน ในการบริหารธุรกิจที่มีรายได้ของครอบครัวเรา นั้นก็คือ ธุรกิจโรงแรมถาวร ปาล์ม บีช รีสอร์ท ภูเก็ต และโรงแรมถาวรบีช วิลเลจ รีสอร์ท แอนด์ สปา
    ตอนเริ่มบริหารโรงแรมผมจำได้ว่า เรามีเงินสดในการจัดการธุรกิจเพียง 5 ล้านบาท ผมเดินไปที่โรงแรมของผม มีแขกเข้าพักเพียง 9% จำได้ว่าเงียบเหงามาก ตอนนั้นผมตั้งเป้าหมายว่า จะต้องทำให้ธุรกิจโรงแรมกลับฟื้นขึ้นมา 
    สิ่งที่ผมเริ่มทำเป็นอันดับแรกก็คือ ลดรายจ่าย ผมไล่ดูงบบัญชีทุกตัวและจัดการทุกปัญหา โดยใช้งบการเงินเป็นคู่มือ ตอนนั้นผมปิดห้องอาหารโรงแรมที่ไม่มีคนมาใช้บริการ และคุมรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก จากนั้นผมก็เริ่มต้นกับการหารายได้ ด้วยการลุยสร้างความสัมพันธ์กับเอเยนต์ทุกเจ้า และเราไม่เกี่ยงราคาห้อง ขอให้ขายได้ มีคนเข้าพัก เพราะธุรกิจโรงแรมมันมีต้นทุนตายตัวในทุกวัน ดังนั้นไม่ว่าจะได้มากหรือได้น้อย ผมขอให้มีคนเข้าพักก่อน ด้วยวิธีการดังกล่าว ทำให้อัตราการเข้าพักของเราไม่เคยต่ำกว่า 80% ตลอดทั้งปี
    และด้วยแนวทางการลงรายละเอียดการบริหารทุกขั้นตอน ทำให้เพียงปีที่สามของการบริหารของเลิศ ก็ทำตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้นตลอด และได้เห็นตัวเลขกำไรครั้งแรก นับตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจมา ซึ่งแนวทางการบริหารจากนี้ เขาก็ยังใส่ใจกับการเคลียร์ตัวเลขหนี้สินอีกพันกว่าล้านที่เหลืออยู่ รวมถึงบริหารสภาพคล่องของธุรกิจให้เพียงพอกับการบริหารงาน 6 เดือนเป็นอย่างน้อย
    ผู้บริหารหนุ่มชี้ว่า การที่ธุรกิจมีสภาพคล่องมากพอทำให้หลับสบาย และทำให้อนาคตสามารถขยายธุรกิจต่อไปได้ แต่ที่สำคัญมาก ที่เขาระมัดระวังที่สุด คือ การสร้างหนี้ เพราะเรียนรู้แล้วว่า หนี้มาก ไม่ได้บ่งบอกว่าธุรกิจดีขึ้น แต่การรักษากระแสเงินสดต่างหากคือสิ่งสำคัญ และจากนี้การขยายการลงทุนก็จะเน้นต่อยอดจากที่มี และไม่ก่อหนี้อย่างไม่จำเป็นอีกต่อไป.

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"