พระพุทธรูปองค์โต “ไดบุตสึ” ความสูงรวมฐาน 80 ฟุต จำลองจากหลวงพ่อโตที่วัดโคโตคุ เมืองคามาคุระ ประเทศญี่ปุ่น
ตุ๊กตุ๊กแขก หรือ “ออโต้ริคชอว์” (นิยมเรียกสั้นๆ ว่า “ออโต้”) พาผมออกจากสถานีรถไฟคยา (Gaya Junction) ในเวลาเช้าตรู่ แต่รถราเริ่มบรรเลงเสียงแตรกันดังลั่นก่อนหน้านั้นแล้ว และได้รุมถีบเอาอาการง่วงนอนออกไปจากหัวผมจนหมดภายในเวลาชั่วอึดใจ
การจราจรในช่วงแรกหนาแน่น ต้องค่อยๆ ขยับเขยื้อน ยามที่รถติดแหง็กเสียงแตรจากยานพาหนะทุกคันก็ยังส่งเสียงทะลุแก้วหู พวกเขาไม่รำคาญหรือทำให้จิตใจขุ่นมัวโกรธเคืองอยากเอาปืนลงไปทดสอบลำกล้องเหมือนผู้คนในบางประเทศ บีบกันอยู่อย่างนั้นทั้งที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ทำให้รถวิ่งได้เร็วขึ้น
ผ่านแยกเล็กๆ หลายแยกในช่วงต้นของเส้นทางก็เข้าสู่ทางตรงที่รถวิ่งได้เร็วขึ้นแม้ว่าปริมาณรถจะยังมาก รถข้างทางกระโจนเข้าสู่ถนนโดยไม่มีสัญญาณใดๆ บอกกล่าวล่วงหน้า รถที่ตามมาถ้าไม่อยากชนก็โปรดหลบเอาเอง ใครรีบคิดจะแซงตอนไหนก็แซง รถคันที่สวนมาถ้ายังอยากมีชีวิตต่อไปอย่างน้อยอีกวันก็ต้องหลบฉากออกข้างทาง
กฎจราจรคงอยู่แต่ในหนังสือคู่มือที่ไม่มีใครเปิดอ่าน เพราะเมื่อลงสู่สนามจริงมีเพียงสัญชาติญาณเท่านั้นที่จะทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีชีวิตรอด ตำรวจพร้อมตะบองไม้ไผ่เรียวๆ นานๆ จะโผล่หนวดหนามาให้เห็นสักครั้ง เสียเวลาเปล่าที่จะมาตัดสินว่าใครผิดใครถูก เมื่อหน้าสิ่วหน้าขวานจะชนกันคนที่มีต้นทุนชีวิตสูงกว่าอาจเป็นฝ่ายหลบ บางทีหลบจะไปทับหมาที่นั่งชมวิวอยู่ข้างถนน หมาผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ต้องลุกวิ่งหนีตาย
ทางเข้าสถานปฏิบัติธรรมของชาวฮินดูที่มาใช้ “สนามกาลจักร” สามารถรองรับผู้คนได้เป็นจำนวนมาก
แปลกแต่จริง ผมผจญการจราจรแบบสัญชาตญาณสัตว์ป่านี้มารวมกันประมาณ 2 เดือน ยังไม่เคยเห็นรถอินเดียชนกันแม้แต่ครั้งเดียว เคยแต่เพียงเห็นมอเตอร์ไซค์เสียหลักล้มเองแล้วลื่นถลามาแปะกับหน้ารถออโต้ที่ผมโดยสารในเมืองพาราณสี ส่วนการทะเลาะวิวาทนั้นอาจจะเห็นการปะทะคารมกันบ่อยครั้ง แต่ไม่มีเหตุการณ์ลงไม้ลงมือ
มีอยู่อีกครั้งหนึ่งเหมือนกันที่คิดว่าจะได้เห็นเป็นบุญตาเสียแล้ว เด็กวัยรุ่นเดินถนนคนหนึ่งกระชากคอเสื้อวัยรุ่นที่ขับออโต้ เงื้อหมัดเป็นรัศมีกว้าง ง้างแล้วควงหมุนๆ แบบเขาทราย กาแล็กซี่ ตอนที่ใกล้น็อคคู่ต่อสู้ ผู้นิยมความบันเทิงล้อมวงเข้ามาใกล้ๆ เหมือนจะดูมหรสพให้ชิดเวที แต่วัยรุ่นเดินถนนกลับละทิ้งเกียรติยศ คลายหมัดที่กำแน่นปล่อยลงข้างลำตัว ปล่อยอีกมือออกจากคอเสื้อ แล้วเดินจากไป ฝ่ายแขกมุงก็ต้องผิดหวังไปตามๆ กัน
เส้นทางช่วงปลายๆ ที่มุ่งไปยังตำบลพุทธคยา (ระยะทางรวมประมาณ 15 กิโลเมตร) ขนาบด้วยนาข้าวและทุ่งพืชไร่ บ้านเรือนสร้างขึ้นง่ายๆ ด้วยอิฐสีแดงๆ และอิฐทำจากขี้วัว รายเรียงอยู่เป็นช่วงๆ
ทันใดนั้นก็มีเด็กวัยรุ่นผิวคล้ำหน้าเหมือนตุ๊ดขี่มอเตอร์ไซค์มาประกบทางด้านขวา ถามผมว่ามีที่พักหรือยัง ผมตอบว่ามีแล้ว เขาจึงกล่าว “ขอต้อนรับสู่พุทธคยา”
"เจ้าสา” หมาที่ร่วมเดินธุดงค์ตามรอยพระศาสดากว่า 2,500 กิโลเมตรเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นอกเหนือจาก “เจ้าโส” ขาประจำ และ “เจ้าเตี้ย” ผู้มาใหม่อีกตัว
หมอนี่ยังไม่ลดละความพยายาม โชเฟอร์ออโต้ของผมตัดเข้าสู่ทางวิบากเพราะเป็นทางลัดไปยังเกสต์เฮาส์บริเวณทิศเหนือของ “สนามกาลจักร” ที่องค์ทะไลลามะเดินทางมาแสดงธรรมเทศนาปีละครั้ง วัยรุ่นหน้าตุ๊ดก็ควบมอเตอร์ไซค์ลงทางวิบากด้วยเช่นกัน ผ่านชุมชนเล็กๆ มีบ้านดิน บ้านอิฐขี้วัว ส่วนมากยังสร้างไม่เสร็จ หลังคาก็หาอะไรง่ายๆ คลุมกันฝนกันแดดไปก่อน
จนมาถึงย่านเกสต์เฮาส์ที่เรียงขนานกันอยู่สองฝั่งถนน Maharani Road ตอนเวลาประมาณ 6 โมงเช้า โชเฟอร์จอดออโต้ที่หน้า Beauty Guest House เขาคงเคยมาส่งผู้โดยสารบริเวณนี้แล้วหลายต่อหลายครั้ง วัยรุ่นหน้าตุ๊ดก็ลงจากมอเตอร์ไซค์มาคุยกับผม เสนอตัวพาไปเที่ยวบ้านนางสุชาดา ถ้ำดงคศิริ และอีกหลายสถานที่ แม้แต่นาลันทาและราชคฤห์ที่อยู่ห่างออกไปนับร้อยกิโลเมตร สุดท้ายบอกว่า “ถ้าไม่ไปก็ไม่เป็นไร เย็นนี้เรามาดื่มชากัน”
ลุงเจ้าของเกสต์เฮาส์เดินออกมาเปิดประตูพอดี ผมจ่ายเงิน 250 รูปีให้คนขับออโต้ อวยพรให้เขาโชคดี ส่วนวัยรุ่นหน้าตุ๊ดก็ยังย้ำเรื่องดื่มชา ผมบอกว่าไว้ค่อยเจอกัน แล้วเดินตามลุงเข้าไปลงทะเบียนเปิดห้องพัก
จากการวิเคราะห์และนึกย้อน หน้าตุ๊ดคอยนักท่องเที่ยวแบบผมอยู่ประจำตำแหน่งที่หน้าบ้านของเขาหรือทำเลเหมาะๆ ที่ไหนสักแห่งบนมอเตอร์ไซค์คู่ใจ เห็นผมนั่งออโต้คนเดียวพร้อมกระเป๋าเดินทางและมีกล้องถ่ายรูปจึงบิดตะบึงตามมาทันที นี่คงเป็นสูตรสำเร็จของเขา
รูปถ่ายที่ถูกอุปโลกน์ว่าเป็นพระพุทธเจ้าติดอยู่ในห้องพักของผู้เขียน มีคณะชาวไทยแจกจ่ายกันเป็นล่ำเป็นสัน ผู้เขียนได้ยินว่ามีการสนับสนุนจากบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ยี่ห้อหนึ่ง
ผมนอนหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลีย ตื่นราว 11 โมงก็อาบน้ำแล้วเดินไปฝั่งตรงข้าม เข้าร้านอาหารชื่อ Attha Kusala (อัฏฐะกุศละ) ที่ผมฝากท้องเกือบทุกมื้อในการมาเยือนพุทธคยาเมื่อ 2 ปีก่อน ร้านนี้บางทีคนก็เรียกว่า “ร้านตะวัน” เนื่องจากสตรีผู้เป็นเจ้าของร้านชื่อคุณ “ตะวัน” เป็นชาวพม่าที่รู้จักรักใคร่กันดีกับ “อองซานซูจี” ท่านผู้นำของ Myanmar (ไม่เขียนเป็นภาษาไทยเพื่อแก้ปัญหาโดนฝ่ายพิสูจน์อักษรตัด “ร์” ออกครับ ฮ่า!) แต่ใครๆ ในย่านนี้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นร้านของคนไทย เพราะผู้แสวงบุญชาวไทยนิยมมาใช้บริการ แม้แต่พวกที่เขียนรีวิวในเว็บไซต์ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Tripadviserยังเขียนว่า “อาหารไทยแท้และดั้งเดิม” เมื่อก่อนเขียนป้ายว่าเป็นร้านอาหารพม่า-ไทย-อินเดีย แต่ล่าสุดเขียนว่าเป็นร้านอาหาร “ไทย-จีน” และเมื่อดูในเมนูแล้วมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นอาหารไทย
ผมสั่งเส้นหมี่ผัดผักแต่กุ๊กแขกผัดวุ้นเส้นให้ ก็ไม่เป็นไรเพราะอย่างน้อยมีเส้นและมีผัก กินไปได้ไม่ทันถึงครึ่งจาน หน้าตุ๊ดเปิดประตูร้านเข้ามาพร้อมเพื่อนวัยรุ่นอีกคน หมอนี่ไว้ผมบ็อบหนึ่งข้าง อีกข้างตัดสั้นเหนือหูขึ้นไปหลายเซนติเมตร เวลาผมข้างที่ยาวเทมาข้างที่ตัดเกรียนก็จะสะบัดคอแทบหลุดเพื่อให้ไปกองกันอยู่อีกฝั่งดังเดิม
ทั้งคู่ขอนั่งลงบนเก้าอี้ร่วมโต๊ะกับผม หน้าตุ๊ดชื่อ “โมฮัมเหม็ด” เป็นมุสลิม ส่วนบ็อบครึ่งซีกชื่อ “วิคกี้” ชื่อออกจะผู้ยิ้งผู้หญิง น่าจะให้หน้าตุ๊ดยืมไปใช้ ผมถามวิคกี้ว่า “แล้วคุณล่ะ นับถือศาสนาอะไร ?” เขาตอบว่า “ผมคิดว่าผมเป็นชาวพุทธนะ”
ขณะผมใช้ส้อมม้วนวุ้นเส้นผัดผักทยอยส่งเข้าปาก สองราชกุมารแห่งพุทธคยาก็บรรยายถึงสถานที่ต่างๆ ในละแวกพุทธคยาที่ต้องการนำเสนอพร้อมประวัติและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยโดยไม่คำนึงเลยว่าชาวพุทธที่นั่งกินผัดวุ้นเส้นอยู่ตรงหน้าต้องเคยอ่านเคยฟังมาบ้าง ผมก็ปล่อยให้พวกเขาพูดไปเรื่อยๆ จนกินวุ้นเส้นหมดจาน
ชาวฮินดูก็ยังศรัทธามาเดินเวียนขวาคารวะพระพุทธรูปองค์โต
หน้าตุ๊ดโชว์ภาพในโทรศัพท์มือถือ อธิบายไปด้วยว่าคนมาทำบุญกันที่พุทธคยาเยอะแยะ ส่วนมากไม่สนใจชุมชนคนอินเดียที่เป็นคนยากคนจน แต่ก็มีเหมือนกันที่บริจาคเป็นเงินแล้วให้พวกเขาไปซื้อข้าวสารแจกชาวบ้าน
“นี่ครับ รูปที่ผมแพ็คข้าวสารใส่ถุงเล็กๆ ไว้แจกชาวบ้าน บางคืนผมไม่ได้หลับได้นอน วันรุ่งขึ้นต้องเอาไปแจก ชาวต่างชาติก็ไปร่วมแจกกับเราด้วยนะครับ” แล้วก็กลับมาเข้าเรื่องธุรกิจหลักต่อ
“ถ้าต้องการเที่ยวแถวๆ พุทธคยาก็ไปกับมอเตอร์ไซค์ของผม” หน้าตุ๊ดว่า
“ถ้าต้องการไปนาลันทาและราชคฤห์แบบทัวร์เต็มวันก็ไปกับรถพี่ชายผม” บ็อบครึ่งซีกเสนอบ้าง แต่หน้าตุ๊ดก็เสริมว่าจะซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเขาไปก็ได้ถ้าผมไม่กลัวแดด
ผมถามราคาทริปไปนาลันทาและราชคฤห์ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน บ็อบครึ่งซีกตอบว่าประมาณ 2,500 – 2,600 รูปี ผมขอเอาไปคิด ก่อนเดินออกไปจากร้านพวกเขาก็ชวนดื่มชาอีกครั้ง
ที่ Beauty Guest House ลูกชายของลุงเจ้าของได้เข้ามาทำหน้าที่แทนพ่อ เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างดี หน้าตาดี อัธยาศัยดี พูดภาษาอังกฤษได้ดี เสนอทัวร์นาลันทาและราชคฤห์ ราคา 2,800 รูปี แพงกว่าของสองราชกุมารแห่งพุทธคยาอยู่นิดหน่อย ผมบอกเขาว่าถ้าช่วยหาคนร่วมทริปได้อีก 1 คนก็จะไปทันที เขาบอกว่า “มีแขกอีกคนหนึ่งหาคนแชร์อยู่เหมือนกัน แต่เหมือนจะสายไปแล้ว เขาจะเช็กเอาต์วันพรุ่งนี้”
“ไดบุตสึ” แห่งพุทธคยาสร้างจากหินทรายและหินแกรนิตแดง
ตอนเย็นผมเดินผ่านทางเข้ามหาเจดีย์พุทธคยาไปตามถนน Domuhan – Bodhgaya Road สู่วัดไทยพุทธคยาเพื่อนำเงินที่คนฝากมาทำบุญถวายแด่หลวงพ่อที่ประจำการอยู่ใน “อู่น้ำ” ซึ่งอู่น้ำและวัดไทยพุทธคยานี้เป็นเหมือนโอเอซิสสำหรับพักกายพักใจแยกออกไปจากความโกลาหลวุ่นวายและฝุ่นควันบนถนนรนแคม
ขากลับ ผมเดินแทรกเข้าไปในแถวของนักแสวงบุญชาวฮินดูที่เดินทางมาจากบังคลาเทศเพื่อสวดมนต์และฟังการบรรยายของผู้นำศาสนาท่านหนึ่งที่ใช้สนามกาลจักรเป็นสถานที่รวมตัว งานนี้กินเวลาหลายวันอยู่เหมือนกันแต่ผมไม่ได้สอบถามจากผู้รู้ว่ากี่วันกันแน่ สองวัยรุ่นคู่ใหม่ใช้สายตาเหยี่ยวมองเห็นเหยื่อจนได้ (ผมเห็นพวกเขาก่อนแล้ว) เดินข้ามถนนมาจากอีกฝั่ง
“คุณมาเดินตามชาวบังคลาเทศอยู่ทำไม” หนึ่งในสองคนเอ่ยขึ้น แล้วชวนคุยเสียยืดยาว จะขอนัดหมาย พูดคุย ให้ผมช่วยสอนภาษาไทย และชวนดื่มชา
คนหนึ่งมีใบหน้าดำคล้ำไร้รอยยิ้ม รูปร่างเตี้ยล่ำ หมอนี่กวนโมโหผมพอสมควร พูดว่าตัวเองไม่ใช่คนก้าวร้าว ไม่ใช้กำลัง “ไม่รู้คุณจะเดินหนีผมทำไม ดูคุณไม่มั่นใจในตัวเองนะ” อีกคนเด็กกว่า ผอมสูง และพูดจาไม่น่าเกลียด ผมบอกพวกเขาไปว่ามีนัดแล้ว
“นัดกับวิคกี้ใช่ไหม” พวกเขาพูดขึ้นพร้อมกัน นี่ย่อมแสดงว่าข่าวการมาถึงของเหยื่อรายใหม่เมื่อเช้านี้ร่ำลือไปทั่วในหมู่ผู้นิยมดื่มชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เวลานี้ยังไม่ใช่ฤดูแสวงบุญ มีเพียงหนึ่งชีวิตเข้าเมืองมาพวกเขาก็คงรับรู้ได้
สองวัยรุ่นเดินตามชวนคุยจนผมเดินเลยทางแยกไปยังที่พัก พอเห็นตำรวจพวกเขาก็ถอยหลัง ส่วนผมก็ได้โอกาสถามทางกับตำรวจกลับไปยังเกสต์เฮาส์
รูปปั้นอัครสาวกและพระอรหันต์องค์สำคัญๆ รายรอบพระพุทธรูปองค์โต
เย็นวันต่อมา ขณะผมเดินไปยังพระพุทธรูปองค์โต “ไดบุตสึ” ที่ทางองค์กรพุทธของญี่ปุ่นมาสร้างไว้ ระหว่างทางก็มีมอเตอร์ไซค์ซ้อนสองหลายคันขี่เข้ามาประกบแล้วพูดภาษาต่างๆ เข้าใส่ ญี่ปุ่นบ้าง จีนบ้าง ไทยบ้าง สุดแล้วแต่พวกเขาจะได้ท่องจำกันมา จะให้ขึ้นซ้อนสามไปกับพวกเขา พอผมไม่ไปก็ลงท้ายด้วยการชวนไปดื่มชา แต่มีอยู่คนหนึ่งเดินมาจากทางด้านหลัง พอขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกันก็ทักว่า “ยู ลุค แฮนด์ซัม” เล่าว่าเคยไปเชียงใหม่ เมื่อก่อนนี้เคยทำงานอยู่ในวัดไทยพุทธคยา เขาผู้นี้ไม่พูดจาหว่านล้อมเสนอบริการใดๆ และไม่ชวนดื่มชา
ขากลับออกมาจากการสักการะหลวงพ่อโต เวลาโพล้เพล้เต็มที สองวัยรุ่นบนมอเตอร์ไซค์ขี่ประกบมาอีกเจ้า คนหนึ่งบอกว่ามีแฟนเป็นญี่ปุ่นเพราะนึกว่าผมเป็นคนญี่ปุ่น พอผมบอกเป็นคนไทยเขาก็ใช้ไหวพริบพลิ้วต่อไปได้ว่าเดือนหน้าแฟนญี่ปุ่นจะมาหาแล้วพาไปเที่ยวเมืองไทย หมอนี่ลงทุนเดินเป็นเพื่อน ขณะที่อีกคนขี่มอเตอร์ไซค์ประคองตามช้าๆ ดูโอ้คู่นี้มาแปลกชวนดื่มชาเป็นสิ่งแรก เมื่อถูกปฏิเสธก็ชวนสูบกัญชา ผมบอก “สูบแล้วจะบ้า ไม่เอาดีกว่า” เขาก็เสนอเหล้า ทั้งที่เหล้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายในรัฐพิหาร ผมตอบว่าเลิกดื่มไปนานหลายปีแล้ว ดื่มทีไรมีเรื่องชกต่อยทุกที สุดท้ายเขาขอเงินสกุลบาทไทยเป็นที่ระลึก ผมก็ซื้อความรำคาญไปด้วยเงิน 20 บาท
ประตูทางเข้าวัดพุทธของบังคลาเทศ
ใกล้จะถึงถนนใหญ่ คนที่ทักว่า “ยู ลุค แฮนด์ซัม” ปรากฏตัวพร้อมความจริงที่ว่าเขามีร้านขายของที่ระลึก ขอให้ผมเจียดเวลาแวะไปดูสักหน่อย พอผมบอกว่า “อย่าเสียเวลากับผมเลย ผมไม่ซื้อของขณะเดินทางเพราะขี้เกียจแบกไปอีกหลายเมือง” เขาก็งัดประโยคเด็ดออกมา
“งั้นดื่มชากันมั้ย”.
//////////
1. พระพุทธรูปองค์โต “ไดบุตสึ” ความสูงรวมฐาน 80 ฟุต จำลองจากหลวงพ่อโตที่วัดโคโตคุ เมืองคามาคุระ ประเทศญี่ปุ่น
2. ทางเข้าสถานปฏิบัติธรรมของชาวฮินดูที่มาใช้ “สนามกาลจักร” สามารถรองรับผู้คนได้เป็นจำนวนมาก
3. “เจ้าสา” หมาที่ร่วมเดินธุดงค์ตามรอยพระศาสดากว่า 2,500 กิโลเมตรเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นอกเหนือจาก “เจ้าโส” ขาประจำ และ “เจ้าเตี้ย” ผู้มาใหม่อีกตัว
4. รูปถ่ายที่ถูกอุปโลกน์ว่าเป็นพระพุทธเจ้าติดอยู่ในห้องพักของผู้เขียน มีคณะชาวไทยแจกจ่ายกันเป็นล่ำเป็นสัน ผู้เขียนได้ยินว่ามีการสนับสนุนจากบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ยี่ห้อหนึ่ง
5. ชาวฮินดูก็ยังศรัทธามาเดินเวียนขวาคารวะพระพุทธรูปองค์โต
6. “ไดบุตสึ” แห่งพุทธคยาสร้างจากหินทรายและหินแกรนิตแดง
7. รูปปั้นอัครสาวกและพระอรหันต์องค์สำคัญๆ รายรอบพระพุทธรูปองค์โต
8. ประตูทางเข้าวัดพุทธของบังคลาเทศ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |