พาณิชย์ดันราคาสินค้าเกษตรช่วงปลายปี


เพิ่มเพื่อน    

 

“สนธิรัตน์” สั่งทำแผนรับมือสินค้าเกษตรในช่วง 3 เดือนจากนี้ หวังเกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาเหมาะสม ไม่ล้นตลาด ราคาไม่ตกต่ำ


นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนนับจากนี้ หรือตั้งแต่เดือนพ.ย.ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า ผลผลิตสินค้าเกษตรหลายชนิดจะทยอยออกสู่ตลาด จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ทั้งกรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ทำแผนงานบริการจัดการสินค้าเกษตร เพื่อผลักดันให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสม ไม่มีปัญหาล้นตลาด ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร และยกระดับคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

ทั้งนี้ ขณะนี้ กรมการค้าภายใน อยู่ระหว่างการจัดทำรายการสินค้าเกษตร ที่ผลผลิตกำลังจะออกสู่ตลาดภายใน 3 เดือนนับจากนี้, สินค้าที่คาดว่าผลผลิตล้นตลาด เพราะความต้องการในประเทศมีน้อย รวมถึงสินค้าที่กำลังมีปัญหาราคาตกต่ำในขณะนี้ เพื่อนำมาทำแผนบริหารจัดการ และเชื่อมโยงการตลาด ทั้งในประเทศ และส่งออก ซึ่งเป็นการทำงานเชิงรุก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นก่อนแล้วค่อยตามแก้ไข

โดยสินค้าเป้าหมาย เช่น มะพร้าว และน้ำมันปาล์ม ที่ราคาลดลงมากในขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้หามาตรการแก้ไขแล้ว คาดว่า ปัญหาจะคลี่คลายในเร็วๆ นี้,  ข้าว ผลผลิตจะออกตั้งแต่เดือนพ.ย.นี้เป็นต้นไป คาดว่า ไม่น่ามีปัญหาราคา เพราะรัฐบาลได้เตรียมมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาไว้แล้ว และจะเร่งรัดดำเนินการอย่างเต็มที่, มันสำปะหลัง จะออกเดือนพ.ย. จะมีมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาเช่นกัน, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คาดว่าไม่น่ามีปัญหาราคา เพราะผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอ

ขณะที่ สับปะรด ที่ผลผลิตจะออกมากเดือนธ.ค.นี้ และคาดจะเกินความต้องการ ซึ่งจะเน้นผลักดันให้มีการแปรรูปมากขึ้น ส่วนยางพารา แม้กระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง แต่หากมีปัญหาราคา หรือผลผลิตล้นตลาด จะช่วยหาตลาดรองรับให้ได้

”เมื่อได้ตัวรายการสินค้าแล้ว ก็ต้องมาดูอีกว่า ตัวใดกำลังจะมีปัญหา เช่น ล้นตลาด กรมการค้าภายใน ก็ต้องส่งสัญญาณไปที่กรมการค้าต่างประเทศ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อทำแผนผลักดันการส่งออก และแปรรูป อย่างปาล์มน้ำมัน ทราบว่า ขณะนี้ ยุโรปกำลังต้องการน้ำเข้าน้ำมันปาล์ม ทูตพาณิชย์ของไทยก็ต้องไปหาออร์เดอร์ หรือติดต่อให้มาซื้อจากไทย”

นอกจากนี้ ยังกลุ่มสินค้า Dairy Products ทั้งนมและผลิตภัณฑ์ เช่น นมสด หางนม ชีส เนย รวมถึงเนื้อและผลิตภัณฑ์ ที่ไทยจะเปิดเสรีเต็มรูปแบบ โดยภาษีนำเข้าจะเป็น 0% และไม่มีโควตานำเข้า ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ภายใน 2-3 ปีนี้ ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ต้องเร่งทำแผนเตรียมความพร้อมของอุตสาหกรรมทั้งระบบรองรับการเปิดเสรีดังกล่าว และต้องใช้โอกาสนี้ ส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ไปยังอาเซียน โดยเฉพาะซีแอลเอ็มวี ที่ยังมีความต้องการอีกมาก เพื่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าสินค้า Dairy Products ของอาเซียน
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"