ดีเบตชิงหัวหน้า ปชป.คึกคัก! 3 แคนดิเดตโชว์วิชั่นนำพรรคชนะเลือกตั้ง ยันแพ้หยั่งเสียงอยู่ช่วยพรรคต่อ "อภิสิทธิ์" โต้ "หมอวรงค์" เสรีประชาธิปไตยกินได้แต่ไม่โกง "สวัสดิการ" แค่นโยบายไม่ใช่อุดมการณ์ "ถาวร" ชูทุนนิยมสวัสดิการเปลี่ยนให้ทันโลก
ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มเวที "ดีเบต '61 ประชาธิปัตย์ คนไทยจะได้อะไร" ซึ่งเป็นการประชันวิสัยทัศน์ของผู้สมัครเข้ารับการหยั่งเสียงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครหมายเลข 1, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้สมัครหมายเลข 2 และนายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครหมายเลข 3 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีกองเชียร์ของผู้สมัครแต่ละคนเดินทางมาให้กำลังใจ
ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่จัดงานดีเบตนั้น กำหนดให้กองเชียร์ผู้สมัครเข้าได้กลุ่มละ 20 คน ส่วนที่เหลือให้ติดตามการดีเบตที่มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์และสื่อโซเชียลของพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านทางจอแอลอีดีขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้รอบที่ทำการพรรค
จากนั้นเวลา 16.00 น. ได้เริ่มการดีเบตขึ้น โดยมีคำถามที่ทีมงานเตรียมไว้ จำนวน 9 คำถาม มาจากพิธีกรที่เลือกจากเป็นผู้มีความเป็นกลางในการทำหน้าที่ คือ นายกิตติ สิงหาปัด ผู้ดำเนินรายการข่าวสามมิติ และนาย ณ กาฬ เลาหะวิไลย ผู้บริหารจากเครือโพสต์พับลิชชิง จำนวน 6 คำถาม และมาจากไลน์แอด จำนวน 3 คำถาม โดยผู้สมัครมีเวลาตอบคนละ 1.30 นาที ทั้งนี้หากระหว่างการตอบคำถามพบข้อพาดพิง จะให้สิทธิ์ผู้ที่ถูกพาดพิงชี้แจงได้ โดยมีเวลา 1.30 นาที
ทั้งนี้ มีคำถามที่น่าสนใจ อาทิ คำถามเกี่ยวกับจุดยืนของผู้สมัครในการเลือกตั้งเป็นอย่างไร เพราะมีทั้งกลุ่มที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นพ.วรงค์ตอบว่า คำถามนี้คือเกมการเมือง ถ้าตนเป็นหัวหน้าพรรค จะกำหนดเกมเล่นเอง และจะไม่เล่นเกมตามที่กำหนด ไม่เลือกทั้งฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวา และหากชนะการเลือก ตนจะต้องมีสิทธิ์ในการเลือกคนมาร่วมทำงานด้วยตัวเอง โดยยึด 4 หลักเกณฑ์ คือ 1.ต่อต้านการปราบปรามการทุจริต เพราะการทุจริตเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ 2.ต้องเคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 3.ไม่เข้าข้างฝ่ายใช้อำนาจโดยมิชอบ และ 4.ต้องจงรักภักดีเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
นายอลงกรณ์กล่าวว่า จะให้เกียรติพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ถ้าจัดเองไม่ได้ และประชาธิปัตย์เป็นอันดับสอง ก็จะจัดตั้งรัฐบาลเอง ที่สำคัญไม่เอานายกรัฐมนตรีคนนอก เพราะจะก่อวิกฤติให้ประเทศ อีกทั้งเราจะต้องเคารพมติของประชาชนเป็นหลัก
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนปฏิเสธคำถามดังกล่าวมานานแล้ว เพราะไม่ควรผลักให้เราเลือกเฉพาะแค่เผด็จการหรือคนขี้โกง แต่เราจะต้องมีจุดยืนเป็นเส้นทางหลักของประเทศชาติ ภายใต้อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ คือ เสรีนิยมประชาธิปไตย ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลเห็นว่าฝ่ายที่รวบรวมได้เสียงข้างมากมีสิทธิ์จัดตั้ง ทั้งนี้ เงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลอยู่ที่นโยบายของแต่ละพรรค เราไม่ได้ต้องการตำแหน่งหากตำแหน่งนั้นไม่สามารถทำประโยชน์ให้แก่ประชาชนได้
ชู 4 แนวทางเจาะอีสาน
เมื่อถามถึงการเจาะพื้นที่ภาคอีสานจะมีวิธีอย่างไร เพราะที่ผ่านมาพรรคถูกมองว่าเป็นพรรคของภาคใต้ นพ.วรงค์กล่าวว่า ชีวิตที่ผ่านมาคลุกคลีกับพี่น้องชาวอีสานมาหลายปี และเขาอยากให้เราทำ 4 ข้อ ดังนี้ 1.ออกนโยบายที่จับต้องได้ ไม่ใช่นามธรรม 2.บริหารจัดการภายในต้องเป็นทีมเวิร์ก 3.ต้องให้สาขาพรรคในพื้นที่ดูแลประชาชน และ 4.พรรคต้องสัมผัสได้ คิดเร็วทำเร็ว ที่สำคัญพรรคต้องตีโจทย์ให้แตก โดยการทำให้พรรคเป็นเพื่อนกับประชาชน
นายอลงกรณ์กล่าวว่า หัวหน้าต้องเป็นของคนทุกภาคทั่วประเทศ และสร้างอนาคตใหม่ให้ชาวอีสาน พ้นจากความยากจน โดยมีนโยบายวางสี่เสาเศรษฐกิจ ห้าฐานการพัฒนา อย่างไรก็ตาม หากดูจากจำนวนสมาชิกพรรคในส่วนภาคอีสาน เชื่อว่าจะได้จำนวน ส.ส.ไม่น้อยกว่า 20 คน เพราะเรามีฐานสมาชิกถึง 1.1 ล้านคน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประโยคที่ว่าประชาธิปัตย์เป็นของคนภาคใต้ คือการสร้างวาทกรรมเท่านั้น แต่ความจริงพรรคถูกขัดขวางไม่ให้สื่อสารและลงพื้นที่ อีกทั้งยังบิดเบือนข้อมูล ซึ่งต่อจากนี้เรามีช่องสื่อสารกับชาวอีสานมากขึ้น เขาจะได้รู้ความจริงเกี่ยวกับพรรคว่าจะทำอะไรให้เขาบ้าง และเชื่อว่าเขาจะหันกลับมาสนับสนุน
คำถามสุดท้ายซึ่งเป็นคำถามที่ประชาชนถามเข้ามาเยอะมากที่สุด ถามว่าถ้าท่านแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้จะลาออกจากพรรคหรือไม่ และถ้าท่านชนะครั้งนี้จะสร้างความสามัคคีในพรรคให้เกิดขึ้นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมีหลักการทำงานชัดเจนมาตลอด ไม่ใช่คนที่ยึดติดกับตำแหน่ง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ว่าจะจะเกิดอะไรขึ้น ตนมีแนวทางการทำงานของตนเอง
นพ.วรงค์กล่าวว่า เรื่องการลาออกเป็นคำถามที่ไม่อยากจะตอบ เพราะประชาธิปัตย์คือบ้านของเรา มีอะไรเกิดขึ้นก็ต้องอยู่บ้าน ถ้าพี่ๆ น้องๆ ชนะ ตนก็ต้องอยู่บ้านช่วยทำงานที่บ้าน แต่หากตนชนะ จะเชิญทั้งสองท่านมาทำงานกับตน เพราะตนไม่ได้เก่งทุกเรื่อง
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ไม่ต้องถามถึงแพ้ชนะ แต่ให้พูดถึงว่าไม่ว่าจะเป็นอย่างไรพรรคจะต้องเป็นเอกภาพ ส่วนถ้าแพ้เลือกตั้งจะลาออกหรือไม่ ตนตอบได้เลยว่า กว่าจะกลับมาได้วิบากกรรมเยอะจริงๆ
สำหรับประเด็นที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นระหว่างนายอภิสิทธิ์กับ นพ.วรงค์ คือกรณีที่ นพ.วรงค์ระบุว่าจะเปลี่ยนอุดมการณ์เสรีนิยมประชาธิปไตยนั้นเป็นเสรีภาพที่เอาเปรียบประชาชน จึงจะเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยสวัสดิการ เพราะทำให้เกิดทุนผูกขาด ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ให้คนด้อยโอกาสอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ ทำให้นายอภิสิทธิ์ใช้สิทธิพาดพิงว่า อุดมการณ์เสรีนิยมประชาธิปไตยของพรรคประชาธิปัตย์ ตามหลักการคือสนับสนุนการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ส่วนเรื่องสวัสดิการเป็นนโยบายไม่ใช่อุดมการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเสรีนิยมประชาธิปไตยหรือสังคมนิยม ต้องใช้ระบบสวัสดิการเช่นเดียวกัน แต่สังคมนิยมจะใช้การเก็บภาษีที่สูงกว่าในขณะที่เสรีนิยมจะใช้ระบบการแข่งขันแบบเสรี และเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า ดังนั้นอุดมการณ์พรรคจะต้องไม่เปลี่ยน
เสรี ปชต.กินได้ไม่โกง
จากนั้นเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครทั้ง 3 คนภายในเวลา 3 นาที โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเป็นผู้นำแนวทางการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาดำเนินการ ซึ่งเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงพรรคเอาเทคโนโลยีมาให้ประชาชนมีส่วนร่วม พิสูจน์ว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคเดียวที่เป็นประชาธิปไตยและทันสมัยอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นผู้นำการเมืองและเป็นสถาบันการเมืองอย่างแท้จริง หลังวันที่ 5 พ.ย. มีภารกิจนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้ง เอาประเทศออกจากหล่มที่ติดมานานกว่า 10 ปี ประชาธิปัตย์เป็นตัวของตัวเองเป็นทางหลักที่มีทางเลือกดีกว่าเผด็จการและคนโกงด้วยจุดยืนเสรีนิยมประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยที่กินได้แต่ไม่โกง สานต่อนโยบายประกันรายได้ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กองทุนการออม นโยบายเรียนฟรีไปสู่การศึกษาที่มีคุณภาพ ฯลฯ และมีแนวคิดใหม่แบบก้าวกระโดด ขจัดการผูกขาดทั้งภาครัฐและเอกชน เลือกผู้ว่าราชการจังหวัด และตนในฐานะประธานอาเซียนปีหน้าจะนำประเทศไทยเป็นหนึ่งในภูมิภาคอีกครั้งหนึ่ง
"เพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เคารพทุกท่าน 27 ปีที่ผมเป็นนักการเมืองในนามพรรค ผมทุ่มเทชีวิตการทำงานของผมให้กับพรรคการเมืองพรรคนี้ แต่สิ่งที่ผมทุ่มเทให้เทียบไม่ได้กับบุญคุณที่พรรคมีกับผม กับคุณูปการที่พรรคนี้มีให้กับประเทศชาติ ผมปกป้องพรรค ต่อสู้เพื่อพรรคและประชาชนในทุกสถานการณ์ ภัยคุกคามต่อพรรคยังมี ยังมีคนจ้องทำลาย ยังมีคนอยากใช้พรรคเป็นเครื่องมือ ผมไม่ยอม และผมใช้โอกาสนี้ให้เจ้าของพรรคตัวจริง พลิกวิกฤติเป็นโอกาส นอกจากรักษาพรรค รักษาอุดมการณ์แล้ว นำประเทศไทยไปสู่ความรุ่งเรืองด้วย" นายอภิสิทธิ์ระบุ
ด้าน นพ.วรงค์กล่าวว่า เชื่อมั่นเจ้าของพรรคคือประชาชน และอดีตที่ผ่านมาเจ้าของพรรคมีโอกาสน้อย ถ้าตนชนะ ใจกว้าง ใจใหญ่ ที่จะเชิญชวนทุกคนมาร่วมสร้างพรรคประชาธิปัตย์ให้แข็งแกร่ง ถ้าแพ้จะให้ความร่วมมือทุกเงื่อนไข พรรคประชาธิปัตย์เป็นบ้านของทุกคนไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ตนรักบ้านหลังนี้ไม่น้อยกว่าคนอื่น การลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเชื่อว่าจะทำให้บ้านหลังนี้เข้มแข็งได้ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเหนื่อยแบบแสนสาหัส ความรู้สึกเหมือนสู้กับระบอบทักษิณในปี 48 บางครั้งอ้างว้าง เพราะหลายคนไม่กล้าคุยกับตน แต่ตนถือว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นของตนและจะเป็นพรรคสุดท้ายที่ตนใช้ชีวิตทางการเมือง
ส่วนนายอลงกรณ์ ได้นำน้ำครำจากคลองแสนแสบมาประกอบการแสดงวิสัยทัศน์ของตัวเอง ว่าเป็นตัวอย่างของการเมืองน้ำเน่าที่สร้างปัญหา ทำให้ต้องปักธงการเมืองสีขาวเหมือนน้ำบริสุทธิ์ที่ทุกคนต้องดื่ม ซึ่งจะทำให้ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ผู้นำต้องเด็ดขาด เด็ดเดี่ยว ถ้าตนเป็นหัวหน้าพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อจะขอใบลาออกล่วงหน้า หากมีปัญหาเรื่องทุจริตจะปลดทันที หากเป็นรัฐบาลจะขอใบลาออกจากรัฐมนตรีทุกคน และตนจะยื่นใบลาออกล่วงหน้าไว้ด้วย หากมีข่าวทุจริต กรรมการคุณธรรมจะตรวจสอบภายใน 36 ชั่วโมง ไม่ต้องรอให้ใครมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนขอโอกาสเป็นผู้นำพรรคสร้างจุดเปลี่ยนพรรค จุดเปลี่ยนการเมือง และจุดเปลี่ยนประเทศ
วันเดียวกัน นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำกลุ่มเพื่อนหมอวรงค์ โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ "ทำไมต้องเปลี่ยน" ตอนหนึ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องเปลี่ยนตำแหน่งนโยบายใหม่ หันเข้าสู่เส้นทางที่สาม หรือทุนนิยมสวัสดิการ หรือบางครั้งก็เรียกว่า “ทุนนิยมดูแลกัน” เพราะ “เสรีประชาธิปไตย” อย่างเดียวมีแต่อุดมการณ์จึงมองไม่เห็นและกินไม่ได้ นี่คือตัวอย่างที่คิดว่าสิ่งแรกที่เราต้องเปลี่ยน คือจุดยืนของพรรคและนโยบายของพรรค ซึ่งจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ย่ำอยู่กับที่ เหมือนคนไม่รู้จักสรุปบทเรียน จึงไม่กล้าเปลี่ยน ดังนั้นต้องหาจุดยืนและนโยบายใหม่ เพื่อยกระดับพรรคให้ทันสมัยและตามกระแสโลกได้ทัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |