ตำรวจครึ่งร้อยตรึงกำลังคุมตัวหญิงไทยกับชู้ชาวฝรั่งเศสไปทำแผนฆ่าแล้วเผาเฒ่าอิตาเลียน อ้างเคลียร์ปัญหารักสามเส้าไม่ได้ เกิดชกต่อยกันในรถก่อนที่ชู้จะฟัน-แทงด้วยมีดที่เตรียมมาแล้วนำร่างไปทำลาย
    มีรายงานเมื่อวันที่ 30 มกราคม คดีฆ่าแล้วเผานายจูเซปเป เดอ สเตฟานี ชาวอิตาเลียน วัย 62 ปี โดย พ.ต.อ.ชัยเสถียร มณีจักร ผกก.สภ.บึงนาราง จ.พิจิตร ได้นำตัว น.ส.รุธจิรา เอี่ยมละม้าย ภรรยานายจูเซปเป และนายอาโมรี ริโก ชาวฝรั่งเศส ชู้รัก สองผู้ต้องหาร่วมกันฆ่านายจูเซปเป มาสอบสวนอีกครั้ง หลังทั้งคู่ต่างซัดทอดกันไปมาว่าเป็นผู้ลงมือฆ่า ซึ่งในที่สุด นายอาโมรี ริโก ก็ให้การรับสารภาพว่าเป็นฆาตกร สาเหตุจากความหึงหวง 
    นายอาโมรีให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและนายจูเซปเป รวมทั้ง น.ส.รุธจิรา ได้นัดเจอกันเพื่อเคลียร์ปัญหารักสามเส้า โดยได้นั่งพูดคุยกันในรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส หมายเลขทะเบียน กค 1374 สมุทรสงคราม จอดอยู่ภายในหมู่บ้าน แต่ตกลงกันไมได้ เกิดถกเถียงบานปลาย ด้วยความโกรธแค้น ตนจึงชกต่อยนายจูเซปเป เกิดต่อสู้กันภายในรถ จากนั้นตนก็ใช้มีดซึ่งพกมา ฟันแทงเข้าที่ลำตัวของนายจูเซปเปจนเสียชีวิต แล้วคิดจะทำลายศพด้วยการเผา โดย น.ส.รุธจิราเป็นคนคอยช่วยยกและนำศพใส่กระเป๋าเดินทางขึ้นรถขับไปยังที่เกิดเหตุ จัดหาวัสดุเพื่อมาทำการเผานั่งยางบริเวณข้างอ่างเก็บน้ำบ้านบึงทับจั่น 
    หลังการสอบปากคำ ตำรวจได้คุมตัวนายอาโมรีและ น.ส.รุธจิราไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางชาวบ้านจำนวนมากมุงดู     
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการทำแผนดังกล่าว พ.ต.อ.ชัยเสถียรได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 50 นาย ตรึงพื้นที่เพื่อป้องกันชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา จุดแรก บริเวณข้างอ่างเก็บน้ำบ้านบึงทับจั่น ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนช่วยกันนำศพมาเผานั่งยางอำพรางคดี ต่อมาทำแผนจุดที่ผู้ต้องหาไปซื้อน้ำมันจากปั๊มหยอดเหรียญ หมู่ที่ 6 ต.แหลมรัง ห่างจากที่เกิดเหตุเผานั่งยางประมาณ 2 กม. จากนั้นทำแผนบริเวณถนนริมลำคลองในหมู่ที่ 7 ต.แหลมรัง ซึ่งเป็นจุดที่ทั้งสามคนไปเจรจาเคลียร์ปัญหาความรัก และเป็นจุดลงมือก่อเหตุฆ่า เรื่อยไปจนถึงการทำแผนบริเวณบ้านของ น.ส.รุธจิรา ที่ทั้งสองคนนำรถคันเกิดเหตุมาล้างคราบเลือด และจุดสุดท้ายที่บริเวณบ้านทุ่งใหญ่ ที่ น.ส.รุธจิรามารับนายจูเซปเปเพื่อเจรจากัน
    หลังการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตำรวจได้นำตัวนายโอมารีไปขออำนาจศาลจังหวัดพิจิตรฝากขัง ส่วน น.ส.รุธจิรานำมาควบคุมตัวที่ สภ.บึงนาราง ก่อนจะส่งศาลขออำนาจฝากขังในวันที่ 31 ม.ค.นี้
    ด้านชาวบ้านใน ต.แหลมรังจึงได้นำเงินที่เรี่ยไรมาจำนวน 10,000 บาท มอบให้กับ พ.ต.อ.ชัยเสถียร มณีจักร ผกก.สภ.บึงนาราง เพื่อนำไปมอบให้แก่ผู้ชี้เบาะแสในการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้.