ปูพรมแจกคนชรา1แสนล. เคาะแพ็กเกจบูมท่องเที่ยว


เพิ่มเพื่อน    

    “สมคิด” เตรียม 1 แสนล้านบาทปูพรมดูแลผู้สูงอายุผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อนเลือกตั้ง พร้อมเข็น 2 กฎหมาย “ภาษีที่ดิน-ภาษีอี-บิซสิเนส” ลุยสั่งคลัง-ททท.-บินไทย เคาะแพ็กเกจกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี วอนนักลงทุนอย่าตื่นตระหนกหลังหุ้นดิ่งหนัก ชี้เป็นเรื่องปกติจากหุ้นกลุ่มน้ำมันร่วงตามราคาตลาดโลก
    เมื่อวันพฤหัสบดี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังว่า ได้ติดตามงานและเร่งรัดงานที่เหลือของกระทรวงการคลังในช่วงไตรมาสสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งมีงานหลายอย่างที่ต้องดำเนินการ ในส่วนของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและสถานะการคลังเป็นไปด้วยดี การจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2562 ไม่มีปัญหา จากปีงบประมาณ 2561 ที่เกินเป้าหมาย 2 หมื่นล้านบาท จึงได้สั่งการให้เร่งรัดกฎหมายที่ค้างอยู่ให้ทันรัฐบาลชุดนี้ คือร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ล่าช้า และร่าง พ.ร.บ.อี-บิซสิเนส ในการดึงธุรกิจออนไลน์เข้าระบบภาษี
     นอกจากนี้ ได้สั่งให้กระทรวงการคลังร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), บมจ.การบินไทย และภาคเอกชน ออกแพ็กเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวเที่ยวในช่วงปลายปี เพื่อเร่งเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้มาตรการมีผลในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปแนวทาง แต่จะต้องทำแต่เนิ่นๆ และเป็นมาตรการจูงใจ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติวางแผนเข้ามาเที่ยวในไทย
     นายสมคิดกล่าวอีกว่า ยังได้สั่งการให้กระทรวงการคลังและกรมบัญชีกลางเตรียมออกมาตรการดูแลผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นเป็นผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้เงินงบประมาณจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเดิมจัดสรรงบประมาณไว้ดูแลคนชราที่ 4-5 หมื่นล้านบาท แต่ให้กันงบประมาณเพิ่มเป็นพิเศษในปี 2562 เป็น 1 แสนล้านบาท ซึ่งยืนยันว่าไม่กระทบต่อฐานะการคลัง เพื่อไปทำโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ โดยจะต้องอยู่ในขอบเขตช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้ ส่วนจะเป็นการให้เงินช่วยเหลือเพิ่มหรือไม่ยังตอบไม่ได้
    “นโยบายที่สำคัญที่ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการคือ เรื่องการช่วยเหลือผู้มีรายได้ที่ลงทะเบียนสวัสดิการจากรัฐ 11.4 ล้านคน โดยในปีงบประมาณ 2562 รัฐบาลได้ของบประมาณจากสำนักงบประมาณ 1 แสนล้านบาท ให้กับกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งใช้จ่ายสวัสดิการปกติให้กับผู้ลงทะเบียนประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนที่ได้เกินมากอีก 5 หมื่นล้านบาท จะให้ช่วยกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มนี้ยังได้รับความช่วยเหลือน้อย โดยให้กระทรวงการคลังสรุปมาตรการช่วยเหลือให้เสร็จภายในปีนี้ เพื่อเสนอ ครม.ดำเนินการมาตรการทันที” นายสมคิดกล่าว
    นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้รายงานถึงผลการเปิดให้ประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันเข้าจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน รวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund : TFFIF) ที่มียอดจองเกินเป้าหมาย ก็เป็นเรื่องที่ดี และต้องการให้ขยายการระดมทุนไปในโครงการที่ยังไม่ได้สร้าง (green field) ด้วย เพื่อให้ประชาชนทั่วไปซื้อได้ และไม่เป็นภาระงบประมาณ ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจปี 2562 อยู่ที่โครงการลงทุนของภาครัฐ โดยมอบหมายให้กรมบัญชีกลางและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ไปเร่งรัดงบโครงการต่างๆ จะต้องไม่ให้เกิดความล่าช้า
    ทั้งนี้ แม้ว่ารัฐบาลกำลังจะหมดเทอม แต่ภาพลักษณ์และบทบาทของประเทศในสายตาเวทีโลกนั้นดีมาก ไทยกลายเป็นประเทศที่คนอื่นมองว่าเศรษฐกิจขยายตัวดี กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจขยายตัว ตลาดหุ้นไทยก็ถือว่าเป็น Safe Heaven ขณะที่รายงานธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ระบุว่าเม็ดเงินลงทุนทั้งเงินทุนไหลเข้าและลงทุนตรงก็เพิ่มขึ้นกว่า 40% แต่เราก็ไม่ประมาท เพราะทิศทางเศรษฐกิจโลกกำลังหดตัวจากแนวโน้มสงครามการค้า จึงสั่งให้กระทรวงการคลังคิดล่วงหน้าให้ดี
    "ในส่วนของดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของหุ้นในกลุ่มน้ำมัน เมื่อราคาน้ำมันตลาดโลกลง หุ้นก็ตก เพราะตลาดไทยมีมูลค่าตลาดจากกลุ่มน้ำมันสูงมาก ขอให้นักลงทุนอย่างตื่นตระหนก เพราะหุ้นมีขึ้นมีลง และในบรรดาตลาดหุ้นทั้งหมดในภูมิภาค ตลาดหุ้นไทยยังถือว่าเป็น Safe Heaven มีความน่าสนใจในการลงทุน" นายสมคิดกล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"