งวดเข้ามาอีกหน่อย
อีกแค่เดือนกว่าๆ ล็อกที่ คสช.ลั่นกุญแจเอาไว้ จะถูกปลดออกทั้งหมด
วันนี้เริ่มจะเห็นการเปลี่ยนแปลงกันแล้ว
พรรคการเมืองเริ่มลงพื้นที่ ตั้งสาขา หาสมาชิก หาเสียงเลือกหัวหน้าพรรค เปิดตัวหนังสือ
ก็ตามแต่ใครจะคิดกลยุทธ์อะไรได้
ส่วนรัฐบาล คสช. มีการปรับเปลี่ยนที่น่าสนใจนั่นคือ
เปลี่ยนโฆษกรัฐบาล
จาก พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เป็น พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
เตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง!
ใช้นักการเมืองมาอธิบายความให้ประชาชนเข้าใจว่ารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง มันจะถึงประชาชนกว่าการใช้ทหารพูด
อีกนัยหนึ่งเป็นการลดความเป็นทหารลง เพื่อให้มีภาพความเป็นรัฐบาลพลเรือนมากขึ้น
หรืออาจเป็นการเตรียมความพร้อมให้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่นอกจากจะไปนั่งเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เต็มตัวแล้ว จะยังมีตำแหน่งอื่นพ่วงมาด้วยในอนาคต
นั่นคือ...สมาชิกวุฒิสภา!
แต่ก็มีหลายอย่างดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
วานนี้ (๒๔ ตุลาคม) ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ FCCT เขาเปิดวงเสวนากัน
เปิดตัวแคมเปญ "พลิก..ลายพราง" ปฏิรูปกองทัพ..เพื่อสิ่งที่ดีกว่า
แต่ไหนแต่ไรมา ดูเหมือนว่าสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ จะออกแนวต่อต้านระบอบการปกครองของไทย
ที่ชัดเจนคือกรณี ปาฐกถา ของ "จักรภพ เพ็ญแข" เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๐
คำพูดของ "เจ๊เพ็ญ" ในครั้งนั้น ถูกมองว่า เป็นทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ซ้ำยังเป็นการพูดขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ของประเทศไทย
แล้ว "เจ๊เพ็ญ" ก็ต้องไปใช้แผ่นดินอื่นอาศัย
แต่วานนี้แค่เด็กๆ
หมวดเจี๊ยบ, เนติวิทย์ ไปเปิดพื้นที่แสดงความเห็น ต่อกองทัพไทย
ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่มีอะไรแปลก
แต่ที่แปลกคือ เลือกจะเรียกร้องบางเรื่องเอาเฉพาะจากรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
ในขณะที่รัฐบาลที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งและตัวเองให้การสนับสนุน กลับเงียบเป็นเป่าสาก
มีข้อเรียกร้องอยู่ ๔ ข้อคือ
๑.เลิกปฏิวัติและหยุดแทรกแซงการเมือง
๒.เลิกบังคับเกณฑ์ทหาร แล้วเปลี่ยนไปใช้วิธีสมัครใจ
๓.เลิกใหญ่เทอะทะ แต่ปรับโครงสร้างให้สอดคล้องกับภารกิจของกองทัพสมัยใหม่ เหมือนคนที่มีรูปร่างสเลนเดอร์ ไร้ไขมันส่วนเกิน
และ ๔.เลิกละเมิดสิทธิมนุษยชน
ก่อนอื่นต้องดีดปากสักที อ้างตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่ดันใช้คำว่า "ปฏิวัติ" แทนที่จะเป็น "รัฐประหาร"
การปฏิวัติประเทศไทย (สยาม) ในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวคือ สมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ที่มีการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างขนานใหญ่ เพื่อไม่ให้ตกเป็นอาณานิคมของนักล่าจากตะวันตก
๒๔๗๕ ที่ว่าใช่ก็อาจไม่ใช่ เพราะหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว ผู้ก่อการแบ่งขั้วผลัดกันแย่งอำนาจ จนประชาธิปไตยไทยไม่เคยเกิดขึ้นจริง
กลับไปที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ทั้ง ๔ ข้อถ้าจะเรียกร้องกันจริงๆ ยุครัฐบาลระบอบทักษิณ น่าจะจัดการให้เสร็จ
แต่ทำไมเลือกที่จะพูดตอนนี้
"เนติวิทย์" แสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจ ยังไม่ยอมเกณฑ์ทหาร การเรียกร้องเช่นนี้ไม่ต่างผลประโยชน์ทับซ้อนที่นักการเมืองชอบทำกัน
ให้ปรับกองทัพให้เล็กลง เลิกรัฐประหารนั้นเห็นด้วย แต่จะเห็นด้วยมากกว่านี้หากจะเรียกร้องเพิ่มว่า นักการเมืองอย่าโกง
ส่วนประเด็นเลิกละเมิดสิทธิมนุษยชน ลองไปถามชาวบ้าน "ตากใบ" ดู ว่าวันนี้เขารู้สึกอย่างไร ถ้าไม่กล้าลงไป ก็หันไปถามเหยื่อถูกฆ่าตัดตอน จากนโยบายปราบยาเสพติดของคนที่อยู่ "ดูไบ" ว่าแนบใบสั่งฆ่าไปด้วยใช่หรือไม่
จำไว้ว่าทั้ง ๔ ประเด็นนี้หากรัฐบาล คสช.ไม่สนใจ หมวดเจี๊ยบ, เนติวิทย์ สามารถเก็บไปเรียกร้องกับรัฐบาลถัดไปได้
หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งถล่มทลายแบบที่ "ทักษิณ" ฝอยเอาไว้ ๔ ข้อนี้ควรอยู่ในนโยบายรัฐบาล อย่าพลิกลิ้น
ถ้าเงียบ...ถือว่า...จัญไร.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |